
กรุงเทพฯ. บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สร้างสถิติใหม่ด้วยอัตราการเติบโตปีต่อปีของรถยนต์
บีเอ็มดับเบิลยูที่ 20% ซึ่งนับเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในเครือข่ายบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลกถึงสองปีซ้อน นอกจากนี้ แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดยังสามารถสร้างประวัติศาสตร์ด้วยยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในประเทศไทย ความสำเร็จทั้งหมดนี้ช่วยให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มียอดส่งมอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ในระดับหลักหมื่นติดต่อกันเป็นปีที่สอง พร้อมเดินหน้าสานต่อความสำเร็จตลอดปี 2562 ด้วยทัพยนตรกรรมพรีเมียมในหลากหลายเซกเมนต์ และนวัตกรรมแห่งอนาคตที่ตอบสนองความต้องการของตลาดอย่างรอบด้าน ทั้งประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ สายการผลิตที่เปี่ยมประสิทธิภาพ และบริการแบบครบวงจร พร้อมสร้างประโยชน์อันยั่งยืนและคุณค่าให้แก่สังคมผ่านกิจกรรมและโครงการที่หลากหลาย
มร. คริสเตียน วิดมานน์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เผยว่า “ความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีในตัวเราคืออีกมาตรวัดความสำเร็จที่สำคัญ โดยในปี 2561 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้รับเลือกให้เป็นบริษัทรถยนต์อันดับหนึ่งในการสำรวจ Thailand’s Most Admired Company 2018 โดยนิตยสารแบรนด์เอจ ด้วยคะแนนที่ยอดเยี่ยมในด้านนวัตกรรม ภาพลักษณ์แบรนด์ ความสำเร็จทางธุรกิจ และความรับผิดชอบต่อสังคม แน่นอนว่าในปี 2562 นี้ เราจะเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จในทุกด้าน เริ่มต้นจากการเปิดตัวรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ๆ มากมายเพื่อตอบสนองทุกความต้องการด้านการขับขี่ ดังจะเห็นได้จากการเผยโฉม บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู Z4 ใหม่ หรือมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ในวันนี้ ไปจนถึงการนำเทคโนโลยีล้ำยุคอย่าง 3D Printing มาเพิ่มทางเลือกในการผลิต ปรับแต่งรถยนต์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น และการเริ่มดำเนินงานสายการประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง เพื่อสนับสนุนการผลิตรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดให้ตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยได้ทันท่วงที”
สำหรับความสำเร็จด้านนวัตกรรม บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้เปิดตัวเทคโนโลยี BMW ConnectedDrive บริการและแอปพลิเคชั่นเฉพาะบุคคล ให้ผู้ขับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูได้เพลิดเพลินกับฟีเจอร์ผู้ช่วยในการขับขี่ ข้อมูลและความบันเทิง รวมถึงการสัญจร เพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยระดับพรีเมียม เมื่อต้นปี 2561 ที่ผ่านมา นับเป็นการมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อแบบครบวงจรผ่านแพลตฟอร์ม Open Mobility Cloud ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ดิจิตอลเข้ากับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูได้แบบไร้สาย ไม่ว่าจะด้วย iPhone หรือ Apple Watch ไมโครซอฟท์ อาซัวร์ ระบบคลาวด์อัจฉริยะที่มาพร้อมความปลอดภัยระดับโลก ช่วยให้ BMW ConnectedDrive สามารถวิเคราะห์และเรียนรู้จากข้อมูลปริมาณมหาศาลที่บันทึกจากการขับขี่รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู โดยระบบ Open Mobility Cloud ของบีเอ็มดับเบิลยูได้เลือกใช้แพลตฟอร์มไมโครซอฟท์ อาซัวร์เป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาบริการอัจฉริยะ เพื่อส่งเสริมให้เกิดประสบการณ์การขับขี่รูปแบบใหม่มากมาย ที่ไม่เพียงเชื่อมโยงตัวรถเข้ากับสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงคอนเทนต์และระบบเครือข่ายอีกมากมายจากภายนอก
ฟีเจอร์พื้นฐานของ BMW ConnectedDrive ประกอบด้วย BMW Teleservices บริการที่ช่วยจัดการนัดหมายอัตโนมัติผ่านการแชร์ข้อมูลของรถยนต์กับศูนย์บริการบีเอ็มดับเบิลยูที่ลูกค้าเลือกไว้วางใจหรือผู้ขับขี่สามารถติดต่อผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยูด้วยตนเองผ่าน BMW Teleservice Call เพื่อนัดหมายการรับบริการล่วงหน้าได้อีกด้วย ส่วนในภาคการผลิต เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมสำหรับยนตรกรรมไฟฟ้าแห่งอนาคต บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปแมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จะเริ่มต้นเดินหน้าประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง (High-Voltage Battery – HVB) ณ โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 2 ภายในปีนี้ โดยได้วางรากฐานเชิงทักษะสำหรับพนักงานไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายน 2561 เป็นต้นมา
ความมุ่งมั่นในการสรรค์สร้างนวัตกรรมเพื่อโลกยานยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ไม่ได้หยุดเพียงแค่การพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและการยกระดับสายการผลิตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วยการมอบประสบการณ์พิเศษสุดในทุกด้านและทุกช่องทางให้กับลูกค้า นับตั้งแต่โปรแกรม The Ultimate JOY Experience ที่เตรียมก้าวขึ้นสู่ปีที่ 3 อย่างยิ่งใหญ่ด้วยหลากหลายกิจกรรมที่จะมาสร้างความสุขให้กับเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูกันอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ไปจนถึงการขยายช่องทางและรูปแบบการเข้ารับบริการจากเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยให้หลากหลายและตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัว บีเอ็มดับเบิลยู สตูดิโอ ที่นำบริการระดับพรีเมียมเข้ามาใกล้ชิดลูกค้ามากขึ้นในห้างสรรพสินค้า หรือการเปิด เออร์เบิน สโตร์ แห่งใหม่ เพื่อมอบประสบการณ์สไตล์โชว์รูมเต็มรูปแบบที่ผสมผสานด้วยเทคโนโลยีล้ำยุคและพื้นที่รับรองลูกค้าสุดหรู ขณะที่แนวคิด บีเอ็มดับเบิลยู เซอร์วิส เอาท์เล็ท เน้นขยายศักยภาพด้านบริการ หลังการขายให้ครบเครื่องและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เช่น ลูกค้าสามารถใช้บริการ Online Booking เพื่อนัดหมายบริการล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซต์ www.bmw.co.th ได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว พร้อม
ความสะดวกสบายที่เหนือชั้นด้วยการบริการ Fastlane ที่ใช้เวลาในการตรวจซ่อมบำรุงรถยนต์จากช่างผู้ชำนาญการเพียงแค่ 90 นาที
ทางด้านบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก็ได้ร่วมยกระดับบริการหลังการขายให้ลูกค้าในปีนี้ด้วยการเป็นผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์เจ้าแรกในประเทศไทยที่มอบโปรแกรมการรับประกัน BMW Motorrad Warranty เพิ่มเป็น 3 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง ให้กับมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดรุ่นใหม่ทุกรุ่นที่ส่งมอบตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2562 โดยครอบคลุมถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มความอุ่นใจในทุกเส้นทางการขับขี่อย่างเหนือระดับ
มร. คริสเตียน กล่าวว่า “ประสบการณ์ระดับพรีเมียมที่เรามอบให้กับลูกค้าไม่ได้สิ้นสุดอยู่เพียงแค่บนท้องถนนและเครือข่ายผู้จำหน่ายของเราเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการสื่อสารผ่านช่องทางดิจิทัลอย่างครบเครื่องของทั้งสามแบรนด์ ทั้งทาง Facebook Instagram และ YouTube โดยนอกจากการอัพเดทความเคลื่อนไหวล่าสุดในประเทศไทยของแต่ละแบรนด์ให้ลูกค้าและแฟนๆ ได้ติดตามกันแล้ว เรายังมีแชนเนล BMW JOY TV ที่มอบคอนเทนต์แบบวาไรตี้ครบครันสำหรับคอบีเอ็มดับเบิลยูตัวจริง นับตั้งแต่ไฮไลท์กิจกรรมพิเศษล่าสุดจากโปรแกรม The Ultimate JOY Experience ไปจนถึงแนะนำการใช้งานฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในรถยนต์รุ่นต่างๆ ขณะที่ทางฝั่งมินิ ก็ได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการเปิดจองรถยนต์รุ่นพิเศษผ่านช่องทางดิจิทัลเท่านั้น เช่นในกรณีของมินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ Ice Blue Edition เมื่อเดือนที่ผ่านมา ซึ่งสร้างกระแสตอบรับในกลุ่มแฟนมินิชาวไทยได้ไม่น้อย”
อีกหนึ่งความสำเร็จยิ่งใหญ่ในปีที่ผ่านมาคือ ความสำเร็จทางธุรกิจ โดยบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ทำยอดขายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูได้เป็นสถิติใหม่ที่ 12,036 คัน ซึ่งสูงกว่าปีก่อนหน้าถึง 20% และยังนับเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในเครือข่ายของบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลกเป็นปีที่สองติดต่อกัน ขณะที่มินิและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด มียอดการส่งมอบรถตลอดปีสูงเป็นสถิติใหม่เช่นกันที่ 1,051 คัน (เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนหน้า) และ 2,154 คัน (เพิ่มขึ้น 8%) ตามลำดับ
ยอดการส่งมอบรถยนต์ของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย |
ยอดการส่งมอบในปี 2561 | อัตราการเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า |
บีเอ็มดับเบิลยู | 12,036 | 20% |
มินิ | 1,051 | 4% |
บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ | 13,087 | 19% |
บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด | 2,154 | 8% |
ส่วนในระดับโลก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำระดับโลกในตลาดรถยนต์หรูไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และโรลส์-รอยซ์ รวมกว่า 2,490,664 คัน ซึ่งถือเป็นการสร้างสถิติสูงสุดเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน โดยทั้งบีเอ็มดับเบิลยูและโรลส์-รอยซ์ ต่างทำยอดขายได้สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ขณะที่ยอดการส่งมอบรถยนต์ของทั้งสามแบรนด์ในเดือนมกราคม 2562 รวม 170,463 คัน ก็ถือเป็นการเปิดฉากศักราชใหม่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
มร. คริสเตียน เน้นย้ำว่า “จุดยืนของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั้งบนเวทีโลกและในประเทศไทย คือการขับเคลื่อนโลกยานยนต์ไปสู่อนาคตที่ดีกว่า ด้วยแนวคิดที่สร้างสรรค์ แตกต่าง และยั่งยืนในทุกมิติ นอกจากความสำเร็จของเราในด้านยอดการส่งมอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์แล้ว อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ยืนยันถึงความสำเร็จของเราก็คือ ยอดการส่งมอบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 38.4%ทั่วโลก ขณะที่ยอดขายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของเราในประเทศไทยก็พุ่งสูงขึ้นถึง 122% ในปีที่ผ่านมา”
“ส่วนในกลุ่มนักขับตัวจริงที่หลงใหลในสมรรถนะและความแม่นยำขณะขับขี่ เราก็ได้เห็นกระแสตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากยอดขายรถยนต์ในตระกูล M ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 105% ความสำเร็จในส่วนนี้เป็นเครื่องยืนยันว่ากลยุทธ์การทำตลาดรถยนต์นำเข้าของเรามีความแข็งแกร่งไม่แพ้แผนงานการทำตลาดรถยนต์รุ่นประกอบในประเทศ และเราก็พร้อมที่จะต่อยอดความสำเร็จในกลุ่มรถยนต์นำเข้าต่อไปด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เช่น บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่และบีเอ็มดับเบิลยู Z4 ใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นนำเข้า
ทั้งสองรุ่น ด้วยข้อเสนอพิเศษสุดมากมายตลอดปี 2562 นี้” มร. คริสเตียน กล่าวเสริม



