สุดสัปดาห์นี้ก็จะเข้าสู่เกมนัดสุดท้ายของ2018MotoGP กับเกม ValenciaGP หรือ Valencia Community GrandPrix บนแทร็ค Circuit Ricardo Tormo ที่มีความยาว 4,005 กม.ประกอบด้วย 9 โค้งซ้าย กับ 5 โค้งขวา ซึ่งสนามแห่งนี้เปิดใช้ครั้งแรกตั้งแต่ 19 ก.ย.1999 จากข้อมูลของ Brembo ที่แจ้งมานั้น ระบุว่าในแต่ละรอบนั้น นักแข่งจะใช้เบรก 9 ครั้ง แบ่งเป็น 5 เลี้ยวซ้ายกับ 4 เลี้ยวขวา ซึ่งในหนึ่งรอบนั้นจะใช้เวลาเต็มที่ในการเบรกนี้รวม 27 วินาที คิดเป็น 30% ของแล็บไทม์ ซึ่งค่าเฉลี่ยของแรงฉุดจากจังหวะการเบรกที่ต้องลดความเร็วนั้นอยู่ที่ 1.14G โดยนักแข่งจะต้องใช้แรงกดบนคันเบรกเทียบเท่ากับน้ำหนัก 1,410 กก.ในการขับขี่ตั้งแต่รอบแรกจนจบการแข่งขัน
 
จากทั้งหมด 9 จุดเบรกนั้น จะมีระดับที่ยากที่สุด 1 จุด ระดับกลาง 5 จุด และ ระดับเบา หรือง่าย 3 จุด ซึ่ง ความท้าทายที่สุดของสนามแห่งนี้ คือโค้งแรก ที่ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่แชมป์โลก4สมัย Jorge”Aspar”Martinez ที่นักแข่งจะต้องลดความเร็วจาก 323 กม./ชม. ในเวลาสี่วินาที บนระยะเบรก 243 ม. ลงมาให้ได้ความเร็วสุดท้ายที่ 136 กม./ชม. โดยจะต้องใช้แรงกดคันเบรกเทียบเท่าน้ำหนัก 6.1 กก. ซึ่งในจุดนี้จะเกิดแรงฉุดในการเบรกระดับ 1.5G









ความท้าทายในจังหวะการเบรกจุดถัดมาก็คือ โค้ง 12 ที่ตั้งชื่อตามแชมป์โลก อย่าง Champi Herreros โดยในจุดนี้นักแข่งจะต้องลดจากความเร็ว 219 กม./ชม.ลงมาเหลือ 124 กม./ชม. ในเวลา 2.3 วินาที บนระยะเบรก 109 ม. ด้วยการใช้แรงกดลงบนคันเบรกเทียบเท่ากับน้ำหนัก 7.2 กก. โดยจะเกิดแรงดึงระดับ 1.4G และ อีกจุดที่เป็นหนึ่งในสาม “ความท้าทาย” ของจังหวะการเบรกในสนามแห่งนี้ ก็คือ โค้งสอง ที่ตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่ Mick Doohan กับระยะเบรก 157 ม.จะใช้เวลา 4 วินาที ในการลดความเร็วจาก 223 กม./ชม.ลงมาเหลือ 75 กม./ชม.ด้วยแรงกดบนคันเบรกเทียบเท่าน้ำหนัก 6.1 ก.ก.จะเกิดแรงดึงที่ 1.3G