​ก่อนเกมโมโตจีพีที่ออสเตรเลีย ไปดูความยาก-ง่ายของสนามแห่งนี้กัน

กับเกม Australian Motorcycle GrandPrix จะเป็นสนามที่ 17 ของฤดูกาล ในเกม 2018MotoGP ที่จะยังคงชิงชัยกันบนแทร็คอย่าง Phillip Island ซึ่งข้อมูลจาก Brembo ระบุถึงความหนักหน่วงของสนามแห่งนี้ว่า “Very Easy” ซึ่งในแต่ละรอบนั้นเวลาที่ใช้ในการเบรก จะคิดเป็น 22% ของการขับขี่ ด้วยความยาวต่อรอบสนาม 4,448 ม.จะชิงชัยกัน 27 รอบสนาม จากทั้งสิ้น 12 โค้งของสนาม จะมีจุดเบรกหรือโค้งที่ต้องเบรกทั้งสิ้น 6 โค้ง ซึ่งโค้งที่ 1 คือ โค้งที่ยากที่สุดในสนามนี้ แต่ก็อย่างที่ Brembo ระบุไว้ว่า ความพยายามในการใช้เบรกบนแทร็คแห่งนี้อยู่ในระดับที่ “ง่ายมาก” นั่นเพราะสนามแห่งนี้ เน้นการขับขี่ ที่ไหลลื่นใช้ความเร็วต่อเนื่อง  โดยสนามแห่งนี้เริ่มก่อนตั้งในเดือนธันวาคม 1956 ก่อนที่จะเริ่มใช้เป็นสังเวียนในเกมระดับ WorldGrandPrix อย่างรุ่น 500 ซีซี. ในปี 1989 และ ใช้เป็นสนามแข่งขันชิงแชมป์ WorldSBK ในปี 1990 โดยเรทความยากของการใช้เบรกบนแทร็คแห่งนี้ จาก ตัวเลข 1-5 นั้น ทาง Brembo ระบุว่า อยู่ที่ระดับ 1 เท่านั่นเอง
 
โดยเฉลี่ยแล้วในแต่ละรอบสนามจะใช้เวลากับการเบรกประมาณ 20 วินาที ที่ซึ่งเมื่อรวมระยะเวลาการแข่งขันทั้งหมด จะคำนวณได้ประมาณ22% ระหว่างเวลาที่ใช้แข่งขัน แม้ว่าโดยเฉลี่ยแล้วจะได้ค่าแรงฉุดที่ประมาณ1.2G จากการใช้เบรก แต่สามจากหกโค้งที่ต้องใช้เบรกนั้น เกิดแรงที่ไม่มากเกินกว่า 1G อาจกล่าวได้ว่านี่คือสนามที่จังหวะการเบรกกิ้งนั้น เข้ามามีบทบาทน้อยมา ซึ่งต่ำกว่าที่บุรีรัมย์ และที่ Spielberg ที่ทั้งสองสนามมีเซกชั่นเบรกทั้งสิ้นเจ็ดจุด ซึ่งอย่างที่กล่าวไปแล้วว่า โค้งที่ 1 คือ จุดที่ยากสุดของสนาม โดยมีรายละเอียดจาก Brembo คือ จะต้องลดความเร็วจาก 341 กม./ชม. ลงมาเหลือความเร็วสุดท้าย 189 กม./ชม. ในเวลา 3 วินาที บนระยะเบรก 231 ม. ด้วยแรงกดที่เทียบได้กับน้ำหนัก 4.9 กก. โดยจะเกิดแรงในระดับ 1.5G
 






ส่วนอีกสองโค้งที่มีแรงดึงในระดับเกิน 1G ก็คือ โค้ง 2 ที่ต้องลดความเร็ว จาก 216 กม./ชม. ลงมาเหลือ 124 กม./ชม. ในเวลา 33.3 วินาที บนระยะเบรก 149 ม.ที่จะเกิดแรงดึง 1.1G ด้วยแรงกดบนคันเบรกที่เทียบเท่ากับน้ำหนัก 4.1 กก. ถัดมาก็คือ โค้งที่ 4 จากความเร็ว 221 กม./ชม.จะลงเหลือความเร็วสุดท้ายที่ 70 กม./ชม. บนระยะเบรก 178 ม. ในเวลา 4.5 วินาที กับแรงกดลงบนคันเบรก เทียบเท่ากับน้ำหนัก 5.1 กก. จะเกิดแรงดึงในระดับ 1.1G
 
ส่วนอีกสามเซกชั่นหรือสามโค้ง คือ 6-9-10 นั้น จะเกิดแรงในระดับ 1G เท่านั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า เกมที่สนามแห่งนี้คงจะต้องวัดกันด้วย “สกิล”การขับขี่อย่างแท้จริง โดยจังหวะการเบรกนั้น จะเข้ามามีบทบาทน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับทุกสนามในฤดูกาลนี้









UIP : 391 | Page View : 394