​ห้าปัจจัยชี้ชะตาเกมMotoGPที่ Silverstone จาก ครีส เวอมิวลัน อดีตนักแข่งเวิร์ลด์จีพี

จากสถิติ Fast Lap ที่ทำไว้จากการแข่งขันในปี 2017 ที่สนาม Silverstone แม้ว่าผู้ชนะจะเป็น อันเดรีย โดวิซิโอโซ่ แต่ความเร็วต่อรอบดีที่สุดนั้นเป็นของ มาร์ค มาเกรซ ทำไว้ 2’01.560 นาที โดยที่ มาเวอริค บีญาเลส ทำได้ 2’01.638 นาที ตามหลังอยู่ 0.078 วินาที ในขณะที่ อันเดรีย โดวิซิโอโซ่ ทำได้ 2’01.738 นาที ขณะที่เจ้าถิ่นอย่าง แคล คลัทช์โลว์ ทำความเร็วมาเป็นอันดับห้า 2’01.764 นาที ขณะที่ วาเลนติโน่ รอสซี่ และ ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ นั้นเป็นสองคันท้ายในกลุ่มที่สามารถทำเวลาได้อยู่ในโซน 2.01 นาที คือ 2’01.855 และ 2’01.958 ตามลำดับ ขณะที่ มาร์ค มาเกรซ ที่เร็วสุดในปีที่ผ่านมานั้นทำเวลาในช่วงฝึกซ้อมครั้งที่สองได้เร็วเป็นอันดับสี่ 2’01.526 ที่ถือว่าเร็วกว่าสถิติที่ตัวเองทำไว้ในปีที่ผ่านมา หลังจากผ่านการลงสนามในช่วง Free Practice นักแข่งหลายคนก็สามารถทำ Fast Lap ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วง FP2 ที่ อันเดรีย โดวิซิโอโซ่ กดเวลาต่อรอบลงมาอยู่ที่ 2’01.385 นาที ตามด้วย แคล คลัทช์โลว์ ทำได้ 2’01.390 นาที และที่น่าสนใจคือ มาเวอริค บีญาเลส ที่สามารถทำเวลาเร็วเป็นอันดับสามในช่วงฝึกซ้อม 2’01.446 นาที ทว่าในช่วง FP3 หรือ การลงฝึกซ้อมครั้งที่สามนั้น มีเพียง แคล คลัทช์โลว์ กับ ดานิโร่ เปตรุซี่ ที่สามารถกดเวลาได้ต่ำกว่า 2.02 โดยเจ้าถิ่นอย่าง แคล ทำได้ 2.01.893 และดานิโร่ ทำได้ 2’01.893 ขณะที่นักแข่งคนอื่นทั้งหมด ทำเวลาได้ในช่วง 2.02 นาที ก็น่าติดตามกันว่าในช่วงเวลาควอลิฟายที่กำลังจะมาถึงในช่วงเย็นวันเสาร์นี้ “ใครจะสามารถทำการเซทและจูนรถแข่งได้ลงตัวที่สุด” และที่สำคัญก็คือ ใครจะปรับจังหวะการขี่ได้เข้ากับสภาพพื้นผิวแทร็คที่ปรับใหม่ได้มากน้อยแค่ไหน กับสภาพพื้นผิวแทร็คที่อยู่ในสภาพที่เรียกว่า Bumpy Track หรือไม่ราบเรียบอย่างที่ควรนั่นเอง  และที่น่าสนใจก็คือ ครีส เวอมิวลัน อดีตนักแข่งทีมแฟคทอรี่ซูซูกิ ได้พูดถึงปัจจัยสำคัญห้าอย่างที่น่าสนใจสำหรับความสำเร็จในเกมนี้ อย่างแรกก็คือ สภาพอากาศที่ไม่สามารถคาดเดาได้ นั่นก็คือ “ฝน” ที่อาจจะตกลงมาโดยไม่สามารถทำนายได้ล่วงหน้า รวมทั้งอุณหภูมิของผื้นผิวที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้จากสภาพอากาศที่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ถัดมา ก็คือ สภาพพื้นผิวสนามที่มีการลาดแอสฟัลท์ใหม่ แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาของพื้นสนามที่มีบีมอยู่ในบางส่วนของสนาม ดังนั้นทางMichelin น่าจะมีการเตรียมยางคอมปาวด์พิเศษมาเพิ่มเติมสำหรับเกมนี้ กับ extra compound แล้วปัจจัยถัดมากุญแจดอกที่สามที่ ครีส เวอมิวลัน พูดถึงก็คือ เกมการชิงชัยที่”ใกล้เคียงกันมาก” นั่นหมายความว่า ในการขับเคี่ยวแต่ละตำแหน่งนั้นนักแข่งจะต้องผิดพลาดให้น้อยที่สุด หัวข้อถัดมาก็คือ ความแข็งแกร่งบนแทร็คแห่งนี้น่าจะเข้าทาง Ducati กับ Yamaha มากกว่า Honda ซึ่ง ครีส เชื่อว่าเกมนี้ Yamaha จะกลับขึ้นมาอยู่ในกลุ่มหน้าได้ และข้อสุดท้ายก็คือความยาวต่อรอบของสนามที่ถือว่าเป็นแทร็คที่ยาวมากที่สุดในปฏิทินการแข่งขัน นั่นหมายความว่า จำนวนรอบการแข่งขันน้อยลง เพราะฉะนั้นถ้านักแข่งคนใดพลาดก็จะมีจำนวนรอบให้แก้ตัวน้อยลง

เรามาลุ้นกันว่า ในการแข่งขันวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ “ใครจะทำได้ดีที่สุด”และจากห้าปัจจัยที่ ครีส กล่าวมานั้นจะมีผลแค่ไหนกับเกมที่จะออกมา ทั้งนี้ในรอบการควอลิฟายมีฝนตกลงมาในบางช่วงของสนาม ทำให้เป็นปัญหาต่อการเซ็ทรถการเลือกใช้ยาง ซึ่งตำแหน่งสตาร์ทจากเวลาในรอบควอลิฟายมีดังนี้



























UIP : 447 | Page View : 469