Silverstone เป็นสนามแข่งที่สร้างขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อใช้แข่งขัน รถแข่ง F1 ในปี 1950ก่อนที่จะมีโอกาสใช้รองรับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกในปี 1977 ซึ่งก็ได้รับการปรับเปลี่ยนสภาพต่างๆของสนามแข่งมาหลายครั้ง ซึ่งในรายการ บริติชจีพี หรือ MotoGP ในสหราชอาณาจักรนั้นจะมีโอกาสสลับใช้สนามระหว่าง Donington Park กับ Silverstone สำหรับสนาม Silverstone ปัจจุบันมีความยาวสนามต่อรอบมากที่สุดในตารางการแข่งขันด้วยความยาว 5.9 กม. แต่จากข้อมูลที่ได้รับจาก Brembo ระบุเรทความยากของสนามแข่งนี้ไว้ที่ระดับ 3 จาก เรท 1-5 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับความยากของการใช้เบรกในระดับเดียวกับสนาม Misano และ Valencia

จากทั้งหมด 18 โค้ง จะมีพื้นที่ใช้เบรก 10 จุด ที่ซึ่งในแต่ละรอบนั้นนักแข่งจะใช้เวลาในจังหวะการเบรกกิ้งประมาณ 34 วินาที  และเมื่อคำนวณแรงที่ต้องใช้กดเบรกเทียบเป็นค่าน้ำหนักจะได้ค่าเฉลี่ย 24 กก.ในเวลาทุกๆหนึ่งนาทีที่นักแข่งใช้ในการเบรก หรือเมื่อคำนวณจำนวนรอบการแข่งขันทั้งหมดหลังแข่งขันจบบนแทร็คSilverstone แห่งนี้จะพบว่านักแข่งจะต้องออกแรงเทียบเป็นน้ำหนักมากกว่า 969 กก. โดยเฉลี่ยแล้วในการลดความเร็วของรถแข่ง MotoGP บนแทร็คนี้จะต้องเผชิญกับแรงฉุดในระดับ 1.11G





ทั้งสิบพื้นที่ของการเบรกเราจะมาดูกันว่าไฮไลท์ที่จัดว่ามีพื้นที่การเบรกกิ้งที่ยากที่สุดในสามอันดับแรกของสนามแห่งนี้เป็นอย่างไรบ้าง
จากข้อมูลของ Brembo ที่เปิดเผยสู่สาธารณะได้ระบุว่าโค้งที่ 7 หรือ stowe corner คือโค้งที่มีจังหวะการเบรกกิ้งที่ยากที่สุดในการที่จะต้องลดความเร็วจาก 326 กิโลเมตรต่อชั่วโมง. ลงมาเหลือ 125 กม./ชม.บนระยะเบรก 259 ม.ในเวลา 4.4 วินาทีโดยใช้แรงกดเทียบเท่าน้ำหนัก 6.8 กก.และจะเกิดแรงฉุดระดับ 1.5G
ถัดมาก็คือโค้ง 16 หรือ Brooklands corner กับระยะเบรก 269 ม. ในเวลา 5 วินาที ที่จะลดความเร็วจาก 294 กม./ชม.ลงมาที่ 104 ก.ม./ช.ม.ที่จะต้องใช้แรงกดเทียบเท่ากับน้ำหนัก 6.2 ก.ก.ที่จะพบกับแรงฉุดในระดับ 1.5G เช่นกัน





และอีกโค้งที่จะต้องพบกับแรงฉุดจากการลดความเร็วในระดับ 1.5G ก็คือ โค้ง 1หรือ Copse corner ที่จะต้องลดความเร็วจาก 284 กม./ชม. ลงมาเหลือ 143 กม./ชม.บนระยะเบรก 203 ม.ในเวลา 3.5 วินาที โดยจะต้องใช้แรงกดบนเบรกเทียบกับน้ำหนัก 5.9 กก. สำหรับโค้งอื่นๆที่เหลือนั้นโดยเฉลี่ยจะเป็นโค้งที่เกิดแรงฉุดในระดับ 0.6-1.1G โดยรวมแล้วทั้งสิบจุดของการเบรกนั้นจะใช้เวลาในจังหวะการเบรกกิ้ง 27% ของเวลาในการขี่แต่ละรอบ  
 
แม้ว่าในปีที่ผ่านมาชัยชนะจะตกเป็นของ รถแข่ง Ducati โดย Andrea Dovizioso แต่สองครั้งก่อนหน้านี้ชัยชนะเป็นของรถแข่ง Yamaha ที่ทำไว้โดย Jorge Lorenzo น่าลุ้นว่าในเกมสุดสัปดาห์นี้รถแข่ง M1 จะสามารถกลับมาคว้าชัยได้อีกครั้งหรือไม่