
ด้วยวัย 39ปี ของ วาเลนติโน่ รอสซี่ ที่ยังคงความแกร่งของสภาพร่างกายจนสามารถกลับมาคว้าตำแหน่งโพลโพสิชั่นในเกมที่ Autrodromo del Mugello ได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการทำเบสต์แล็บเป็นสถิติใหม่ของสนาม แต่คำถามคือเขาจะยืนระยะได้แค่ไหนกับการแข่งขันในรายการ Gran Premio d’ Italia นี้ และแล้วตลอดเกมการชิงชัยเขากก็แสดงให้ทุกคนต้องยอมรับว่ายังคงยอดเยี่ยมด้วยการคว้าอันดับสามบนโพเดี้ยมสนามนี้ ท่ามกลางยินดีของแฟนๆชาวอิตาเลี่ยนรอบสนาม โดย”เดอะด๊อกเตอร์” ต้องรับศึกหนักตลอดเกมที่ต้องชิงชัยกันถึงห้าคนเพื่อช่วงชิงตำแหน่งสุดท้ายบนโพเดี้ยมในเกมนี้ อีกทั้งการจบด้วยอันดับสามในเกมนี้ส่งผลให้เขากลายเป็นนักแข่งคนแรกที่สามารถสะสมคะแนนจากการแข่งขันในระดับ World GrandPrix ได้มากกว่าห้าพันคะแนน โดยทำได้ 5,005 คะแนน ซึ่งเขาได้พูดหลังเกมว่า
“ มันเป็นอีกเกมที่ค่อนข้างลำบาก เพราะว่าผมเริ่มต้นเกมด้วยยางที่มีคอมปาวด์แข็งกว่าคนอื่น ซึ่งเรารู้ดีว่าประสิทธิภาพในการยึดเกาะนั้นย่อมมีความหนึบสู้คอมปาวด์ที่นุ่มกว่าไม่ได้ และนั่นทำให้ในช่วงแรกนั้นผมค่อนข้างลำบากกว่าคนอื่นที่จะต้องระวังในหลายๆจังหวะไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นระหว่างเกม ผมมุ่งหวังอย่างยิ่งที่จะไม่พลาดโอกาสในการลุ้นตำแหน่งบนโพเดี้ยมในเกมนี้ ทว่าคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันนี้ต่างใช้ยางที่นุ่มกว่า สิ่งที่ผมหวังไว้ก็คือในช่วงท้ายเกมผมจะได้เปรียบในเรื่องความหนึบของยาง ดังนั้นผมจึงต้องพยายามรักษาอันดับไว้ไม่ให้หลุดจากกลุ่ม ที่สุดแล้วก็เป็นไปตามที่ผมคาดหวังไว้และรู้สึกแฮปปี้อย่างยิ่ง แต่มันก็ไม่ได้ง่ายนักในช่วงท้ายเพราะว่า เอียนโนเน่ นั้นไม่ยอมเลิกราเขายังคงมุ่งมั่นเต็มที่กับเกมในการชิงชัย แต่ที่สุดแล้วผมก็มีความรู้สึกดีกับการชิงชัยในเกมนี้ ที่นี่ท่ามกลางแฟนๆในมูเจลโล่แห่งนี้ ”
จากการคว้าอันดับสามในเกมนี้ส่งผลให้ วาเลนติโน่ รอสซี่ มีคะแนนสะสมขยับขึ้นไปเป็นรองจ่าฝูง ในขณะที่ มาเวริค บีญาเลส ที่จบเกมด้วยอันดับแปดนั้นมีคะแนนรวมเป็นอันดับสามตามหลังรอสซี่อยู่ห้าคะแนน ซึ่ง เขาได้กล่าวถึงเกมนี้ว่า
“ การแข่งขันมาเป็นไปตามที่ผมคาดไว้ มันควรจะเป็นเช่นเดียวกับในวันควอลิฟาย แต่ผมกลับรู้สึกแตกต่างไปตั้งแต่ช่วงวอร์มอัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแข่งขันผมรู้สึกถึงความแตกต่างไปของรถแข่ง เริ่มต้นรอบแรกผมเกือบจะเสียการควบคุมล้อหน้าแทบทุกโค้ง หลังจากนั้นเริ่มปรับจังหวะได้ แต่ก็น่าเสียดายเพราะหลังจากรอบที่สิบผ่านไปผมรู้สึกว่าเริ่มที่จะทำความเร็วได้ดีขึ้นแต่ผมก็เสียยางหน้าไปพอสมควร ก็น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถมีโอกาสที่ดีพอสำหรับการสู้เพื่อตำแหน่งบนโพเดี้ยม แต่ผมก็คงต้องพยายามที่จะทำให้ดีที่สุด เหมือนที่ทุกๆครั้งที่ผ่านมา ”
ในขณะที่ โยฮัน ซาโก้ จากทีม Yamaha Tech3 ที่จบเกมนี้ด้วยอันดับที่สิบและมีอันดับรั้งที่ห้าของตารางคะแนนสะสมได้กล่าวถึงเกมนี้ว่า
“ โดยรวมแล้วสนามมูเจลโล่แห่งนี้เป็นเกมที่ยาก ตลอดทั้งสัปดาห์โดยเฉพาะวันเสาร์เราต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆค่อนข้างมาก รวมถึงในวันแข่งขัน ที่ผมไม่สามารถปรับจูนจนมีความรู้สึกที่ดีกับรถแข่งได้ อย่างไรก็ตามผมก็ตั้งใจว่าจะต้องจบการแข่งขันด้วยการทำแต้มให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ มันไม่ใช่เกมที่ดีนักสำหรับเราผมคงจะต้องลืมช่วงเวลาที่นี่ แล้วมุ่งหน้าไปโฟกัสกับเกมในสนามถัดไป กับเกมที่บาเซโลน่า ที่ซึ่งเราเคยทำผลงานได้ดีในช่วงทดสอบ ก็หวังว่าจะสามารถกลับมาทำผลงานได้ดีขึ้นในเกมถัดไป ”
ขณะที่ผู้ชนะในเกมนี้ คือ ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ ที่สามารถประเดิมคว้าชัยแรกของตัวเองกับรถแข่ง Ducati นับเป็นการหวนสู่ชัยชนะอีกครั้งหลังจากที่เคยทำล่าสุดในเกม Valencia2016 และหลังจากจบเกมเขาได้กล่าวว่า
“ การคว้าชัยชนะให้กับ Ducati ในเกมที่มูเจลโล่นี้เหมือนกับเป็นความฝัน อีกทั้งการคว้าชัยได้สำเร็จหลังจากที่ผ่านมาหนึ่งปีโดยที่ครึ่งหนึ่งนั้นไม่มีผลการแข่งขันที่ดี มันเป็นอะไรที่น่ากังวลน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง แต่ด้วยความพยายามที่มุ่งมั่นจะทำงานอย่างหนักต่อเนื่องนั้นก็นำพาให้เราได้พบกับความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ตราบใดที่เราไม่ยอมแพ้และยังคงมีความพยายามต่อไปนั้นที่สุดแล้วเราก็จะได้รับผลตอบแทนจากความพยายามที่ไม่ย่อท้อนั้น ผมเปลี่ยนสไตล์การขี่ของตัวเองทั้งหมด เพื่อที่จะมีส่วนช่วยเซฟยางหน้า ผมเริ่มเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตการแข่งขันของผมตั้งแต่ช่วงฝึกซ้อม แล้วหลังจากการแข่งขันผมได้ดูที่ยางพบว่ามันดีกว่าที่ผมคาดไว้มาก ผมใช้ใจของผม ผมมุ่งสมาธิและใช้พยายามจนถึงรอบสุดท้ายเพื่อที่จะทำให้ดีที่สุด ซึ่งมันยอดเยี่ยมมาก ”