​พรีวิวก่อนเกมMotoGP สนามที่ 12 Bristish Grand Prix

สนามแข่งซิลเวอร์สโตนแห่งนี้ มีความเป็นมาในการก่อสร้างหลังจากช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งจากสนามบินเก่า ที่ตั้งอยู่นอกเมืองเล็กๆที่ชื่อว่า Silverstone ซึ่งสนามแข่งแห่งนี้มีความยาวมากที่สุดในโปรแกรมการแข่ง MotoGP ด้วยความยาวต่อรอบสนาม 5.9 ก.ม. ซึ่งสภาพพื้นผิวแทร็คได้รับการปรับเปลี่ยนพื้นผิวใหม่เมื่อปี 2015 ซึ่งในปีนั้น วาเลนติโน่ รอสซี่ เป็นผู้ชนะการแข่งขันในแบบ Dry wet  ก่อนที่ในปีถัดมา2016 สถานการณ์ในเกมการชิงชัยนั้นจะแตกต่างไปจากเดิม นั่นคือ มีฝนตกลงมาในระหว่างสัปดาห์ของการแข่งขัน ดังนั้นในปี 2017 นี้ จึงมีการเตรียม จานเบรก สำหรับไว้ใช้ทั้งแบบ Steel และ Carcon ซึ่งโดยทั่วไปแล้วถ้ามีฝนก็จะใช้จานดิสก์แบบ Steel โดยเรทระดับการใช้เบรกของ Brembo ได้จัดให้การใช้เบรกของสนามแห่งนี้อยู่ในเลเวล 3 จากค่าที่กำหนดระดับไว้ 1-5  หรือมีความยากของการเบรกในระดับปานกลาง





สนามแข่งแห่งนี้มีโค้งทั้งหมด 18 โค้ง จะมีจุดที่ต้องการใช้เบรกทั้งสิ้น 10 จุด ซึ่งจะมี 7 โค้งที่จะมีความต้องการใช้เบรกมากกว่า สามวินาที ซึ่งเมื่อพิจารณาเจาะจงที่รถแข่ง MotoGP จะพบว่าในแต่ละรอบจะใช้เวลาในการเบรกรวม ประมาณ 34 วินาที รวมแล้วในการชิงชัยตั้งแต่เริ่มจนจบการแข่งขันจะใช้เบรกรวมกัน 11 นาที ซึ่งค่าเฉลี่ยในการเบรกของสนามแห่งนี้จะเกิดแรงในระดับ 1.11G ขณะที่การกดเบรกแต่ละครั้งในเกมนี้จะคิดเทียบได้กับการใช้น้ำหนักรวม 969 กก. กดลงบนมือเบรก เฉลี่ยแต่ละรอบสนามนั้นจะใช้แรงกดเทียบเท่าน้ำหนักรวม 25 กก. และจากทั้ง 10 โค้งนั้น จะมีสองโค้งที่มีความต้องการใช้เบรกในระดับยาก ห้าโค้งมีความต้องการใช้เบรกในระดับปานกลาง และอีกสามโค้งมีความต้องการใช้เบรกในระดับสบายๆ
 
และจากข้อมูลการใช้เบรกบนแทร็คความยาว 5,900 เมตรของ Silverstone circuit แห่งนี้อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าจะมีความต้องการใช้เบรก 10 จากทั้งสิ้น 18 โค้ง โดยโค้งที่ได้รับการจัดว่า ยากที่สุด คือ โค้งที่7 ที่รถแข่งจะพุ่งมาด้วยความเร็ว 326 กม./ชม. ก่อนที่จะลดความเร็วสุดท้ายเหลือ 125 กม./ชม. ก่อนที่จะเบรกซึ่งจะเกิดแรงระดับ 1.5G จากการออกแรงเบรกที่เทียบได้กับการกดน้ำหนักประมาณ 6.8 กก. ลงบนมือเบรก ซึ่งมีเวลาเบรก 4.4 วินาที ในระยะเบรก 259 ม.





นอกจากนี้ยังมีอีกสองโค้งที่มีแรงฉุดจากการเบรกในระดับ 1.5G ก็คือ โค้งที่หนึ่ง ที่รถแข่งจะทะยานมาด้วยความเร็ว 284 กม./ชม. ก่อนที่จะลดความเร็วเหลือ 143 กม./ชม. ด้วยระยะเบรก 203 ม.ในระยะเวลา 3.5 วินาที ด้วยแรงที่กดลงเทียบเท่าน้ำหนัก 5.9 ก.ม. ซึ่งจะเกิดแรงระดับ 1.5G

อีกจุดก็คือ โค้งที่ 16 ที่ซึ่งจะต้องลดความเร็ว จาก 294 กม./ชม. เหลือ 104 กม./ช.ม.ด้วยระยะเบรก 269 ม. ในระยะเวลา 5.0 วินาที โดยจะใช้แรงกดลงมือเบรกเทียบเท่ากับน้ำหนัก 6.2 กก.
 
นอกจากชัยชนะของ วาเลนติโน่ รอสซี่ ในปี 2015 แล้ว ในปี 2016 ที่ผ่านมานั้น ผู้ชนะก็คือ มาเวอริค บีญาเลส ที่สามารถประเดิมคว้าชัยครั้งแรกใน MotoGP ไว้ได้ ร่วมกับ Suzuki ขณะที่ ก่อนหน้านี้ก็เป็นชัยชนะของฮอรืเก้ ลอเรนโซ่ ที่ทำไว้ร่วมกับ Yamaha ในขณะที่ Ducati ยังไม่เคยชนะการแข่งขัน MotoGP บนสนามแห่งนี้เลย ยกเว้นแต่ WorldSBK ที่สามารถคว้าชัยไปได้ถึง 12 ครั้งที่สนามแห่งนี้







สำหรับเกมMotoGP สนามที่ 12 ที่จะเริ่มขึ้นในวันอาทิตย์ที่27 สิงหาคมนี้จะเป็นอย่างไร สภาพอากาศจะเป็นเช่นไร คงต้องติดตามชมและเชียร์กันต่อไป โดยสามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ทางช่อง 3 SD ช่อง 28 ในเวลา 21.00 น. สนับสนุนการถ่ายทอดสดโดยรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า
 
ส่วนผลการซ้อมล่าสุดที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้( 25 ส.ค.) นั้น นักบิดเจ้าถิ่น แคล คลัทช์โลว์(35) ทำเวลาการซ้อมมาเป็นอันดับที่ 1 เวลา 2’00.897 นาที อันดับ 2 วาเลนติโน่ รอสซี่(46) เวลา 2’01.138 นาที อันดับ 3 มาเวอริค บีญาเลส(25) เวลา 2’01.168 นาที อันดับ 4 อเล็กซิส เอสปากาโร่(41) เวลา 2’01.592 นาที อันดับ 5 มาร์ค มาเกรซ(93) เวลา 2’01.611 นาที อันดับ 6 ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่(99) เวลา 2’01.655 นาที อันดับ 7 โพล เอสปากาโร่(44) เวลา 2’01.832 นาที อันดับ 8 โยฮาน ซาโก้(5) เวลา 2’01.885 นาที อันดับ 9 อังเดร โดวิซิโอโซ่(4) เวลา 2’01.893 นาที อันดับ 10 สก๊อต เรดดิ้ง(45) เวลา 2’01.933 นาที











UIP : 453 | Page View : 469