เข้าสู่โปรแกรมการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่น รายการ MFJ ALL JAPAN SUPERBIKE ROAD RACE CHAMPIONSHIP 2016 ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ส่งสองนักแข่งที่มีฝีมือดีที่สุดของทีมร่วมลงทำการแข่งขันเพื่อชิงความเป็นหนึ่งอีกครั้ง โดยในปีนี้เป็นปีที่ 5 กับการไล่ล่าแชมป์ จากผลงานดีกรีแชมป์อออลเจแปนในปี2012 ของเดชา ไกรศาสตร์ ซึ่งเป็นนักแข่งไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าแชมป์ในประเทศญี่ปุ่นมาครอง และในขณะที่ฤดูกาลที่ผ่านมา ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ก็คว้าแชมป์ประจำปีมาครองได้อีกสมัย ด้วยฝีมือของ เรียวจิ โยโคเอะ และในปีนี้ก็ตั้งเป้าในการที่จะคว้าแชมป์ให้ได้อีกครั้ง โดยสองนักแข่งของทีมทั้งเดชา ไกรศาสตร์และเฉลิมพล ผลไม้
การแข่งขันของฤดูกาลนี้ในรุ่นST600 สนามแรกสองนักแข่งของทีมไปพลาดท่าล้มในขณะชิงความเป็นหนึ่งกับคู่แข่งที่สนามTSUKUBA แต่ในสนามที่ 2 ที่สนามทวินริง โมเตกิ นั้น เฉลิมพล ผลไม้ก็แสดงความเหนือชั้นในการขับขี่ด้วยการออกสตาร์ทในอันดับที่ 1 พร้อมบิดนำไปตลอดการแข่งขันคว้าชัยชนะมาครองได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งเป็นชัยชนะในรอบสามปีของเฉลิมพล ผลไม้ที่กลับมายืนบนโพเดี้ยมสูงสุดได้อีกครั้ง
เข้ามาสู่สนามที่ 3 ไปทำการแข่งขันที่สนามซูโก้เซอร์กิต เดชา ไกรศาสตร์และเฉลิมพล ผลไม้ เดินทางออกจากประเทศไทยบินสู่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อร่วมทำการแข่งขัน โดยทั้งคู่เข้าสู่สนามแข่งในวันพฤหัสที่ 23 มิถุนายนเพื่อเตรียมความพร้อมกับทีมแม็คคานิสก์ ทั้งคู่ตรวจเช็ครถแข่งให้มีความพร้อมสำหรับการลงสนาม โดยในวันศุกร์จะเป็นในช่วงของการซ้อมPractice1 ในเวลา 11.10 - 11.40 น. และใน Practice2 จะทำการซ้อมในเวลา 14.55 - 15.25 น.
ในรอบการซ้อมPractice1-2 เฉลิมพล คว้าเบสท์แล็ป ส่วนเดชา รั้งอันดับ4
สองนักแข่งยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีมเดินทางมาถึงสนามแข่งก่อนทำการซ้อมประมาณ 2 ชั่วโมง โดยเข้ามาตรวจเช็คความเรียบร้อยของรถแข่งและพูดคุยกับทีมแม็คคานิสก โดยสภาพอากาศในวันนี้มีความแตกต่างจากเมื่อวานโดยในวันพฤหัสนั้นมีฝนตกลงมาตลอดทั้งวัน และถูกคาดการณ์พยากรณ์ว่าในช่วงสุดสัปดาห์นี้จะมีฝนตกลงมาตลอดการแข่งขัน แต่ปรากฎว่าเมื่อเข้าสู่วันศุกร์ช่วงเช้าฝนที่ตกอยู่เริ่มหยุด สภาพแทร็คที่เปียกฉ่ำไปด้วยน้ำเริ่มแห้ง ในช่วง Practice1 นั้นสภาพแทร็คเริ่มที่จะมีความแห้งในบางจุด สองนักแข่งของทีมใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ พร้อมปรับเซ็ทรถให้มีความพร้อม ขณะที่ช่วงบ่ายแทร็คแห้งสนิทแต่สภาพอากาศโดยรวมยังมีเมฆปกคลุมอากาศค่อนข้างเย็น ทั้งเดชา ไกรศาสตร์และเฉลิมพล ผลไม้ นำยามาฮ่า YZF-R6 ทำการขับขี่อย่างมุ่งมั่น โดยเมื่อจบการซ้อมทั้งPractice1และ2 เฉลิมพล ผลไม้ ทำเวลามาเป็นอันดับที่ 1 เวลา 1'32.222 นาที ส่วนเพื่อนร่วมทีม เดชา ไกรศาสตร์ ทำเวลามาเป็นอันดับที่ 4 เวลา 1'32.652 นาที
ซึ่งหลังจบการซ้อม เฉลิมพล ผลไม้ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการขับขี่ในการซ้อมไว้ว่า "ช่วงเช้ามีเวลา 30นาที ลงไปวอร์มร่างกายด้วยและวอร์มรถด้วย เพราะมีฝนตกลงมาเมื่อวาน เลยลงไปเช็คแทร็ค ช่วงเช้าเวลามาเป็นอันดับ3 แต่เป็นช่วงของการเซ็ทรถอยู่ รถมีปัญหาเรื่องสปริงหลังช่วงท้ายเวลาเปิดคันเร่งแล้วรถมันมีอาการสไลค์ คุยกับช่างว่าจะเพิ่มค่าสปริงแต่ยังไม่เปลี่ยนสปริง เดี๋ยวลองเทสดูก่อนในช่วงบ่าย พอช่วงบ่ายวางแผนว่าจะเข้ามาเปลี่ยนยางคือลงไปด้วยยางเก่าตั้งแต่เช้าแล้ว ก็กะว่าจะเข้ามาเปลี่ยนยางใหม่ พอลงไปขี่เรื่องสปริงก็ดีขึ้นอาการสไลค์น้อยลง แต่พยายามขี่เรื่อยๆกะว่าจะเข้ามา เปลี่ยนยางแต่ไปเจอรถเบอร์8 ซึ่งตอนนั้นเข้าทำเวลามาเป็นที่ 1 ก็เลยลองขี่ตามเขาดู ลองไล่ดู เลยไม่ได้เข้ามาเปลี่ยนยาง เวลาก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี มาเป็นอันดับที่ 1 โดยเราขี่ในยางตัวเก่าที่ขี่มาหลายรอบมากแล้ว ผมพยายามขี่ให้ยืนเวลาแบบยาวๆ เครื่องยนต์ก็ถือว่าพอใจอยู่แล้ว ตอนนี้เน้นในเรื่องเซ็ทติ้งรถและสปริงโช้คหลัง ครั้งต่อไปก็คงอาจจะต้องเปลี่ยนสปริง ให้แข็งขึ้นจากเบอร์ 115 เป็นเบอร์ 120 พรุ่งนี้วันควอลิฟาย ก็คงใช้ยางใหม่ลงสนาม ก็กะว่าจะทำเวลาให้ได้ใน 4 รอบแรก เป็นช่วงนั้นเป็นช่วงที่ยางเกาะแทร็คมากที่สุดครับ"
ส่วนเดชา ไกรศาสตร์ กล่าวหลังทำการซ้อมว่า "ช่วงเช้าวันนี้เราทำการซ้อมต่อเนื่องจากวีคที่เรามาซ้อม จริงๆคราวนั้นก็ไม่ได้เทสอะไรมากเพราะฝนตกค่อนข้างเยอะ ในช่วงเช้าผมทำการเซ็ทโช้คหน้าไปใหม่ ซึ่งเปลี่ยนสปริงโช้คหน้าให้แข็งขึ้นแต่ว่ามันไม่ค่อยดีสำหรับการขี่ในโค้ง ช่วงบ่ายก็เลยเพิ่มน้ำมันโช้คให้เยอะขึ้น ก็ดีขึ้นมาแต่ยังมีอาการสับในโค้งอยู่ก็คิดว่าพรุ่งนี้จะทำการเพิ่มน้ำมันโช้คอีกนิด จะเปลี่ยนสปริงให้นิ่มลงแต่จะเพิ่มน้ำมันให้แข็งขึ้น ซึ่งจะลองแก้ดู ช่วงเช้าเวลาค่อนข้างน้อยมีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเราค่อนข้างยากในการเซ็ทติ้ง พอเข้าพิทมาทีเดียวออกไปใหม่ก็หมดเวลาแล้ว ช่วงบ่ายก็ได้เปลี่ยนยางใหม่ลงไป เวลาดีขึ้นมาแต่ไม่พอสำหรับการเป็นที่ 1 ช่วงบ่ายเราเซ็ทน้ำมันโช้คไปส่วนเครื่องยนต์ก็มีการปรับแม๊ปปิ้งในช่วงของเครื่องยนต์ในรอบต่ำๆให้มีกำลังขึ้นโดยเฉพาะในโค้ง ความเร็วทางตรงดีขึ้นมาหน่อย พรุ่งนี้ควอลิฟายก็คงปรับเรื่องของโช้คหน้าอีกนิดส่วนเครื่องยนต์น่าจะโอเคแล้ว ส่วนตัวผมคิดว่าผมเองก็ขี่ไม่ดีด้วยยังขี่ได้ไม่เพอร์เฟ็คไม่เร็วพอเท่าที่ควร พรุ่งนี้ก็น่าจะแก้ในเรื่องของการขับขี่อีกหน่อย สภาพอากาศก็น่าจะประมาณนี้คือครึ้มๆ แต่ช่วงเช้าอาจจะมีฝนก็ต้องมาดูว่าในช่วงควอลิฟายตอนบ่ายแทร็คจะเป็นยังไงก็ต้องดูอีกที ก็ขอขอบคุณแฟนๆที่ติดตามครับและร่วมเชียร์เรานักแข่งทั้งสองคนของทีมด้วย ขอบคุณครับ"
รอบควอลิฟาย เฉลิมพล สตาร์ทอันดับ 4 เดชา สตาร์ทอันดับ 5 แต่โดนปรับไปตำแหน่งที่ 15
การควอลิฟายในรุ่นST600 ในรายการMFJ SuperBike All Japan Road Race Championship 2016 สนามที่ 3 ที่ทำการแข่งขันที่สนามซูโก้สปอร์ตแลนด์เซอร์กิต ได้เริ่มขึ้นสองนักแข่งยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม นำโดย เฉลิมพล ผลไม้และ เดชา ไกรศาสตร์ นำยามาฮ่า YZF-R6 ลงสนามทำการจับเวลาในตลอด 40 นาที ท่ามกลางสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็น มีเมฆอยู่ค่อนข้างมาก แต่พื้นแทร็คแห้ง
หลังผ่านไปเพียง 4 รอบทั้งคู่ยังคงไม่สามารถขับขี่รถได้อย่างเต็มที่เพราะไปติดรถช้าในหลายๆรอบแต่ก็ยังทำเวลาติดอยู่ในกลุ่มหน้า เวลาผ่านไป 20 นาทีก็มีธงแดงเพราะมีอุบัติเหตุจากนักแข่งญี่ปุ่น ทำให้กรรมการต้องเคลียร์สนาม ก่อนที่จะหยุดพักไปราวๆ10 นาที ช่วงนี้ทั้งเฉลิมพล ผลไม้และเดชา ไกรศาสตร์ ต่างให้ข้อมูลกับทีมแม็คคานิสก์ในเรื่องของเซ็ทติ้งช่วงของรถและระบบกันสะเทือนและการยึดเกาะ ที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ทำให้ขับขี่ได้ยากรถมีอาการสับและไม่เกาะในโค้งต่อเนื่อง ซึ่งช่วงเวลาของการควอลิฟาย 40 นาทีนั้นไม่สามารถปรับเปลี่ยนการเซ็ทระบบโช้คได้ทัน จึงทำได้เพียงให้นักแข่งพยายามขี่แก้อาการกันไปก่อน หลังจากนั้นกรรมการก็ส่งสัญญาณให้นักแข่งทุกคนกลับมาลงสนามใหม่อีกหน โดยตลอดช่วงของการควอลิฟายที่เหลืออีก 20 นาที เฉลิมผลไม้ และเดชา ไกรศาสตร์ พยายามที่จะเร่งทำเวลาให้ดีขึ้นแต่ด้วยประสิทธิภาพของโช้คอัพและช่วงของรถที่มีอาการสไลค์ในโค้งรวมถึงการยึดเกาะของยางเริ่มลดลง แต่ถึงกระนั้นทั้งคู่ต่างก็พยายามยืนเวลาในการขับขี่เพื่อเป็นการทดสอบการจำลองการแข่งขันจริง โดยเมื่อจบการควอลิฟาย เฉลิมพล ผลไม้ สามารถทำเวลาไว้ที่ 1'32.201 นาที อยู่ในตำแหน่งที่ 4 ของการออกสตาร์ท ส่วนเดชา ไกรศาสตร์ ทำเวลาไว้ที่ 1'32.333 นาที อยู่ในอันดับที่ 5 แต่ผลจากบทลงโทษที่เกี่ยวเนื่องมาจากสนามทวินริงโมเตกิที่มีการปรับโทษเดชา ไกรศาสตร์ โดยในสนามนี้จะต้องปรับตำแหน่งลงไป 10 อันดับ ทำให้ต้องออกสตาร์ทในตำแหน่งที่ 15 โดยหลังจบการควอลิฟาย เดชา ไกรศาสตร์ ก็ยังกล่าวมั่นใจถึงผลการแข่งขันที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ว่าจะสามารถขยับตำแหน่งขึ้นที่สู่ท็อป5 อย่างแน่นอน ส่วนเฉลิมพล ผลไม้แม้จะออกสตาร์อันดับที่ 4 แต่ก็ยังมั่นใจว่าจะสามารถขึ้นโพเดี้ยมสูงสุดได้เพราะเวลาที่คู่แข่งทำไว้ไม่ต่างกันเท่าไหร่
หลังการควอลิฟาย เฉลิมพล ผลไม้ได้กล่าวว่า "วันนี้ควอลิฟายมีเวลาทั้งหมด 40 นาที ลงไปช่วงแรกก็กะว่าจะทำเวลาให้ได้ในช่วง 4 รอบแรก แต่ก็กดเวลาเต็มที่ได้เพียงรอบเดียว จากนั้นก็มีธงแดงขึ้นมาในช่วง20 นาที จากการที่ปรับเซ็ทรถไปใหม่สปริงหลังแข็งขึ้น คิดว่าน่าจะดีขึ้นแต่ปรากฏว่าไม่ดีขึ้นก็เลยต้องขี่ไปก่อน จะมาให้เปลี่ยนก็คงไม่ทัน เลยตัดสินใจว่าขี่ไปก่อน ก็พยายามที่จะทำเวลาให้ดี พยายามแก้อาการขี่เพราะมีอาการสไลค์ที่ล้อหลังเยอะ เวลาบิดคันเร่งหรือเบรกจะมีอาการที่ล้อหลังเยอะ วันนี้วิ่งได้เร็วกว่าเมื่อวานนิดเดียว คือวิ่ง32.201 ซึ่งที่1 เขาวิ่ง 31.7 แต่ก็ไม่ได้หนักใจอะไรเยอะมาก เพราะเราขี่ค่อนข้างคอนสเตนคือเราขี่เวลายืนค่อนข้างดี 32กลางได้ในรอบท้ายๆที่ เราขี่ 16-17 รอบเราก็ยังขี่ได้32กลาง แต่เราจะต้องมาปรับเอาสปริงกลับที่เดิม เอาสปริงหน้าแข็งขึ้นและกดโช้คลงให้รถสูงขึ้นเพื่อดันล้อหลังเกาะให้มีกริปยาง ซึ่งพรุ่งนี้เช้าก็จะมีโอกาสได้ลองและปรับเซ็ทรถให้ดีที่สุดครับ ฝากแฟนๆช่วยกันเป็นกำลังใจกันด้วยครับ พรุ่งนี้จะทำการแข่งขันทั้งหมด 20 รอบสนาม ขอบคุณครับ"
เดชา ไกรศาสตร์ ได้กล่าวหลังการควอลิฟายว่า "วันนี้ผมวางแผนไว้ว่าจะทำอันดับให้ดีที่สุด รถผมมีการเซ็ทติ้งโช้คอัพหน้าใหม่เมื่อเทียบกับของเมื่อวานมันคนละสเป็คกัน ค่อนข้างที่จะไม่ค่อยดีกับการขี่ที่โช้คมีอาการเต้นมากขึ้น เรียกว่าเรามาผิดทางแล้ว ก็เลยจะกลับไปเหมือนเมื่อวานก่อน ซึ่งจะดีกว่าวันนี้ ในช่วงการควอลิฟายก็ได้ขี่ไล่เฉลิมพล ทำให้ได้เวลาและเวลาดีกว่าเมื่อวานครึ่งวินาที ก็ถือว่าผลงานของเราดีแล้วกับการจบในอันดับที่ 5 แต่ก็ไม่พอสำหรับแถวหน้า และผมยังต้องโดนปรับโทษอีก10อันดับ เนื่องจากเหตุการณ์ที่สนามโมเตกิที่เราโดนปรับโทษไป วันพรุ่งนี้เราออกสตาร์ทอันดับที่15 ช่วงควอลิฟายผมเองก็ขี่เต็มเวลาและพยายามไล่นักแข่งคนอื่นๆ พยายามไล่รถที่ช้า ลองแซง หาจังหวะแซงว่าพรุ่งนี้เราออกจากตำแหน่งหลังแล้วลองแซงเพื่อหาจังหวะในการขับขี่ว่าเราจะแซงได้แบบไหน คิดว่าพรุ่งนี้ติดหนึ่งในห้าก็ถือเป็นผลงานที่ดีสำหรับผมแล้ว และจะเซ็ทติ้งรถให้สมบูรณ์มากกว่านี้เพราะตอนนี้มันขี่ยากสำหรับการเข้าโค้งที่เราไม่เร็ว ช่วงที่ตามเพื่อนร่วมทีมผมเองก็รู้แล้วว่าผมมีข้อเสียตรงไหนข้อดีตรงไหน พรุ่งนี้ก็ต้องแก้อย่างในเซ็กเตอร์3กับ4 เราเองยังช้าอยู่ แต่เซ็กเตอร์1กับ2 น่าจะใช้ได้แล้วมีเวลาที่ดีแล้ว แต่พรุ่งนี้ก่อนอื่นเราต้องออกสตาร์ทให้ดีก่อนเป็นอันดับแรก และพยายามไล่แซงให้เร็วที่สุด ผ่านไปครึ่งทางเราต้องแซงให้ได้เยอะโอกาสติดหนึ่งในห้าก็มีสูง แต่ถ้าออกไปไม่ดีจังหวะไม่ดี ไปติดรถเยอะก็จะค่อนข้างลำบาก สำหรับพรุ่งนี้20รอบเต็มที่แน่นอนทุกรอบ วันนี้ขี่ไป24รอบก็โอเคครับสำหรับรถและยาง"
เข้าสู่โปรแกรมการแข่งขันในช่วง Race Day สองนักแข่งยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีมเดินทางมาถึงสนามแข่งแต่เช้าตรู่เพราะจะมีการซ้อมในช่วงวอร์มอัพในเวลา 9.30-9.45 น. โดยในรอบวอร์มอัพนั้นทั้งเฉลิมพล ผลไม้และเดชา ไกรศาตร์ลงขับขี่แบบเต็มเวลา 15 นาที โดยเฉลิมพล ผลไม้ ทำเวลาไว้ 1'32.786 นาทีอยู่ในอันดับที่ 4 ส่วนเดชา ไกรศาสตร์ ทำเวลาไว้ 1'32.956 นาที ลงขับขี่รวมทั้งหมด 9 รอบสนาม อยู่ในอันดับที่ 5 ซึ่งผลการปรับเซ็ทรถใหม่นั้นก็เป็นไปในทิศทางที่ดี จากนั้นทั้งคู่ก็เตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่โปรแกรมการแข่งขันที่จะเริ่มขึ้นในช่วงเวลา 15.30 น.
ทั้งนี้ในช่วงเวลา 12.10 น. นั้นเป็นของของPit Walk ในสนามนี้มีแฟนๆชาวไทยซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าได้เดินทางเข้ามาในสนามเพื่อถ่ายรูปกับนักแข่งที่บริเวณพีทและร่วมชมและเชียร์สองนักแข่งยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีมในรุ่น ST600 ด้วย
เข้าสู่โปรแกรมการแข่งขัน 15.00 น. สองนักแข่งยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม เดินลงมาจากห้องพักมุ่งสู่พิท ทั้งเฉลิมพล ผลไม้และเดชา ไกรศาสตร์ นั่งประจำจุดของตนเองและทำสมาธิ ทบทวนและวางแผนการขับขี่ ก่อนที่จะถึงเวลาที่กรรมการสนามส่งสัญญาณให้นักแข่งในรุ่นST600 นำรถแข่งลงสนาม
ที่กริดสตาร์ท เฉลิมพล ผลไม้ ในกริดสตาร์ทที่ 4 และเดชา ไกรศาสตร์ในกริดสตาร์ทที่ 15 พร้อมสำหรับการทำการแข่งขันในรุ่น ST600 ที่จะทำการแข่งขันรวม 20 รอบสนาม สภาพอากาศที่มีแดดมาตั้งแต่ช่วงสายๆกลับกลายเป็นมีเมฆปกคคลุมมากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีละอองฝน ทันทีที่สัญญาณไฟแดงดับลง รถแข่งในรุ่น ST600 ต่างพุ่งทะยานออกจากจุดสตาร์ท ในกลุ่มหน้านักแข่งต่างออกสตาร์ทได้ดี เช่นเดียวกันกับเฉลิมพล ผลไม้ที่สามารถรักษาตำแหน่งที่ 4 ไว้ได้ในโค้งแรก กดดันเร่งไล่ตามคู่แข่งในโค้งที่สองต่อเนื่อง ขณะที่เดชา ไกรศาสตร์ ออกสตาร์ทได้ดีเช่นกันขยับขึ้นมาจากอันดับที่ 15 ในกริดขึ้นมารั้งที่ 12 แม้จะไม่ได้อย่างที่ใจคิดแต่เดชา ไกรศาสตร์ก็พยายามหาจังหวะแซงคู่แข่ง ขึ้นมารั้งที่ 11 ได้เมื่อผ่านรอบแรก และขยับขึ้นมาอยู่ที่ 8 เมื่อเข้ารอบ2 ส่วนเพื่อนร่วมทีม เฉลิมพล ผลไม้ ยังคงไล่เกาะติดคู่แข่งชาวญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 4
รอบที่ 3 เดชา ไกรศาสตร์ ขยับแซงคู่แข่งขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 7 และในรอบที่ 4 เดชา แซงคู่แข่งรวดเดียว 2 คันขยับขึ้นมาติดท็อป5 ได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมพยายามไล่กลุ่มหน้าที่อยู่ห่างออกไป ขณะเดียวกันเฉลิมพล ผลไม้ ก็พยายามเร่งจังหวะในการขับขี่มากขึ้นเพื่อกดดันคู่แข่งแต่คู่แข่งชาวญี่ปุ่นที่อยู่ด้านหน้าถึง 3 คันนั้นเป็นเด็กหนุ่มรุ่นใหม่อายุ 18-20 ปี ต่างขับขี่ได้ดีเช่นเดียวกัน ทำให้เฉลิมพล ผลไม้ไม่สามารถไล่ตามคู่แข่งได้ทัน แต่เฉลิมพล ผลไม้ก็สามารถยืนระยะเวลาการขับขี่ได้อย่างคงที่
ในช่วงท้ายสองนักแข่งยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีมเจอความเกรียนของทีมคู่แข่งเมื่อทีมคู่แข่งยกป้ายเวลาขึ้นมาพร้อมๆกับป้ายเวลาของสองนักแข่งไทย เสมือนว่านักแข่งของเรากำลังมีคู่แข่งชาวญี่ปุ่นไล่กดดันอยู่ข้างหลัง ทั้งป้ายของคู่แข่งก็ยังลงตัวเลขที่เร็วกว่าของสองนักแข่งไทย จนทำให้นักแข่งไทยเกิดความระแวงว่ามีใครตามหลังมา ทำให้ต้องเร่งจังหวะการขับขี่ให้เร็วขึ้น แต่นักแข่งไทยของเราก็เกิดเฉลี่ยวใจว่ามีนักแข่งญี่ปุ่นตามหลังมาจริงหรือ จนต้องเหลี่ยวหลังไปมองในบางช่วง ซึ่งเมื่อมองไปแล้วก็ไม่เห็นมีนักแข่งญี่ปุ่นคนไหนตามหลังมา ขณะที่ป้ายบอกเวลาของทีมคู่แข่งก็ยังคงยกขึ้นมาพร้อมๆกับป้ายเวลาของนักแข่งไทย ซึ่งถือเป็นความเกรียนของทีมคู่แข่งที่จะกดดันนักแข่งไทยให้เร่งทำเวลาหนีเพื่อให้เกิดความพลาดล้มในการขับขี่ แต่นักแข่งไทยของเราก็ฉลาดและรู้ทันเกมส์เกรียนจากคู่แข่ง เกมส์การแข่งขันดำเนินไปจนครบ 20 รอบสนามเฉลิมพล ผลไม้เข้าเส้นชัยในตำแหน่งที่ 4 ขณะที่เพื่อนร่วมทีม เดชา ไกรศาสตร์ทะยานเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 5
เฉลิมพล ผลไม้ที่ได้อันดับที่ 4 ในการแข่งขันได้กล่าวถึงรูปเกมส์ในวันนี้ว่า "วันนี้เป็นเรซที่แข่งเราสตาร์ทในอันดับที่ 4 อย่างแรกที่เราตั้งเป้าไว้คือต้องมีโพเดี้ยม เราออกไปอยู่ในอันดับ 4 ตามคู่แข่งไป 7-8 รอบ รถของเราเริ่มมีอาการว่าท้ายเราสไลค์เยอะ ซึ่งมันมีอาการแบบนี้มาตั้งแต่ซ้อมแล้วซึ่งเราก็แก้ไขแล้วแม้จะดีขึ้นแต่ก็ไม่มาก เราก็ขี่จนจบการแข่งขันในอันดับ 4 ต้องยอมรับว่ากลุ่มหน้า 3 คันแรกเป็นเด็กๆทั้งนั้นเลยอายุไม่เกิน20 ซึ่งเขาขี่ได้เร็วมาก เราก็ต้องมาทำการบ้านต่อไปในสนามโอกายาม่าในอีก2เดือนข้างหน้า เรามีข้อมูลแล้วว่ากริบยางของเรามันไม่สามารถยืนระยะสู้คู่แข่งได้ เราจะต้องไปปรับของเรื่องของตัวรถเรื่องโช้คหน้าโช้คหลัง ปรับตัวรถให้เตี้ยลงมาตอนนี้เราขี่ตัวรถสูงมาก เรามีข้อมูลของตัวรถที่จะต้องไปแก้ไขในการแข่งขันที่สนามโอกายาม่าในอีก2เดือนข้างหน้า ขอบคุณแฟนๆที่ติดตามเชียร์กันครับ"
ส่วนเดชา ไกรศาสตร์ที่ออกสตาร์ทในตำแหน่งที่ 15 แต่สามารถไล่แซงคู่แข่งจนขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 5 ได้กล่าวถึงเกมส์การแข่งขันครั้งนี้ว่า " สำหรับเรซนี้ในช่วงควอลิฟายเราทำเวลาอยู่ในอันดับ 5 แต่โดนปรับโทษจากสนามทวินริงโมเตกิทำให้ต้องไปออกสตาร์ทตำแหน่งที่ 15 วันนี้จบในตำแหน่งที่ 5 ก็ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ผมโชคไม่ดีที่ออกไปแล้วในกลุ่มสองมันค่อนข้างห่างจากกลุ่มแรก เลยทำให้ไล่กลุ่มแรกไม่ทัน การยืนระยะของสี่คันแรกค่อนข้างเร็ว ทำให้กลุ่มแรกยืดออกไป ผมเองเป็นหัวในกลุ่มสองก็พยายามขี่ให้ยืนเวลาให้คงที่ที่สุดเพื่อไม่ให้ข้างหลังตามมาทัน ก็ถือว่าทำได้ดีที่สุดเท่าที่ซ้อมและแข่งมาในเรซนี้ ผมเองรถเราเซ็ทไปในทางที่ดีแล้ว โช้คหน้าที่บอกว่ามีปัญหาในการควอลิฟายพอวันแข่งก็ดีขึ้นค่อนข้างเยอะ สนามต่อไปมีแนวทางในการเซ็ทติ้งให้มันดีมากขึ้น สนามหน้าจะให้มีโพเดี้ยมและชนะให้ได้ครับ ขอบคุณครับ"
สนามต่อไปซึ่งเป็นสนามที่ 4 ในรุ่น ST600 จะทำการแข่งขันที่สนามโอกายาม่าในวันที่ 24-25 กันยายน ผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร เราจะติดตามผลการแข่งขันของนักแข่งยามาฮ่า ไทยแลนด์เรซซิ่งทีมมาให้แฟนๆได้ทราบกัน
Gameleon Menu