ปรีวิวก่อนเริ่มเกมMotoGP GRAND PRIX of CATALUNYA

สุดสัปดาห์นี้ กับเกม 2017 MotoGP GRAND PRIX of CATALUNYA สังเวียน “โฮมเรซที่แท้จริง” ของ MVK25, MM93, DP26  มาลุ้นกันว่า ใครจะเป็นผู้ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในเกมสนามที่ 7ของฤดูกาลนี้
 
หลังจากเกมที่ ฝรั่งเศสและอิตาลีผ่านไปก็เข้าสู่การชิงชัยสนามที่7 ของฤดูกาลกับเกมบนแผ่นดินสเปนอีกครั้ง สังเวียนที่ซึ่งได้รับการเรียกขานว่าเป็น The Real Home Race หรือสนามในบ้านที่แท้จริงของ มาเวริค บีญาเลส, มาร์ค มาเกรซ และ แดนี่ เปโดรซ่า ที่ซึ่งทั้งสามคนเติบโตในเมืองที่ไม่ห่างจากสนามแข่งแห่งนี้มากนัก

 

Circuit de Bacelona หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า Catalunya แห่งนี้ โดยการเริ่มต้นวางหินก้อนแรกหรือเริ่มก่อสร้างเมื่อ เดือนกุมภาพันธ์ปี1989 ก่อนที่จะเปิดใช้อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 10 เดือนกันยายน 1991 กับการแข่งขันรถยนต์ Spanish Tourism Championship ก่อนที่การแข่งขันในระดับWGP รุ่น 500 ซีซี มาลงชิงชัยกันที่สังเวียนแห่งนี้ในปี 1992 ภายใต้ชื่อ รายการว่า GP Europe ก่อนจะปรับเป็นชื่อเรียกว่า Catalan Motorcycle Grand Prix



ด้วยความยาวสนาม  4,727 เมตร ประกอบด้วย 7 โค้งซ้าย กับ 9 โค้งขวา พร้อมด้วยช่วงทางตรงยาวสุดของสนาม 1,047เมตร แต่ในปีนี้รูปแบบการวางของสนามแข่งได้มีการปรับในโค้งที่ 14 และ โค้งที่ 15 ด้วยการแบบเดียวกับที่ใช้ในการแข่งขันรถสูตร1 แต่โดยรวมแล้วถือว่าไม่แตกต่างจากเดิมมากนักในเรื่องของ “การใช้เบรก” ที่ซึ่ง Brembo ได้จัดให้สังเวียนแข่งแห่งนี้ มีความยากในระดับ 5 จาก เรทการจัดระดับความยากในการใช้เบรกคือ 1-5 ซึ่งนับเป็นหนึ่งในอีกสามสนาม คือ Spielberg ในออสเตรีย , TwinRing ที่ญี่ปุ่น  และ Sepang International ที่มาเลเซีย โดยที่อีกสามแทร็คในประเทศสเปนอย่าง Jerez กับAragon ได้เรท4 , และ Valencia ได้เรท3



จาก 21 ครั้งของ Catalan Motorcycle Grand prix  รวมกับอีก 4 ครั้งของ Europe GP นั้นรถแข่งที่สามารถคว้าชัยด้วยการใช้เบรก brembo ในการชิงชัยนั้นบนแทร็คแห่งนี้ แบ่งเป็น 12 ครั้งโดยYamaha , 10ครั้งโดยHonda , 2 ครั้งโดย Ducati และ 1 ครั้งโดย Suzuki โดย Valentino Rossi คว้าชัยได้มากสุดในระดับพรีเมียร์คลาสรวม 7 ครั้ง จากรุ่น 500ซีซีกับMotoGP  และอีก2 ครั้งจากรุ่น 250 ซีซี สำหรับเกมในระดับพรีเมียร์คลาสปีนี้ที่น่าสนใจก็คือรุกกี้อย่าง Johann Zarco ที่เคยชนะในสังเวียนนี้สองครั้งจากเกมระดับ Moto2 มาแล้ว



แน่นอนว่าด้วยทางตรงระยะทาง 1,047เมตรนี้ ความท้าทายในจังหวะการเบรก เพื่อเข้าโค้งแรกนั้น นักแข่งจะต้องเผชิญกับแรงในระดับ 1.5G ที่จะต้องลดความเร็วจากระดับ 340 กม./ชม. ลงมาเหลือ 101 ก.ม./ช.ม. ในเวลา 5.1 วินาที กับระยะทางเบรกประมาณ 285เมตร, หรือในโค้งที่ 10 ที่ต้องสัมผัสถึงแรงระดับ 1.5G จากการลดความเร็วจากระดับ 267กม./ชม. ลงมาเหลือ 62 กม./ชม. ในเวลา 5.1 วินาทีกับระยะทางเบรก 220 เมตร รวมทั้งในโค้งที่ 7 ที่จะต้องลดความเร็วจาก 230 กม./ชม. เหลือ 104 กม./ชม. ในเวลา 3.4 วินาที บนระยะทางเบรก 154 เมตร ที่ดูเหมือนจะลดไม่มากแต่ก็ต้องเผชิญกับแรงในระดับ 1.4G



จาก 25 รอบของการแข่งขัน ของแทร็คที่มีความยาวต่อรอบ 4,727 เมตร (หลังปรับเลย์เอ้าท์สนามให้ใช้โค้ง 14-15แบบเดียวกับF1) Fโซนการใช้เบรกของแทร็คแห่งนี้จะมี 10 จุดด้วยกัน ซึ่งคิดเป็น 28% ของระยะทางการแข่งขันนั้น เมื่อคำนวนเป็นแรงที่จะต้องใช้กดลงบนมือเบรกนั้น แต่ละรอบของการแข่งขันนักแข่งแต่ละคนจะใช้แรงกดเทียบเท่ากับน้ำหนัก 41 กก. นั่นหมายความว่า กว่าจะแข่งขันจนครบรอบผ่านเส้นชัยนั้น นักแข่งจะต้องใช้แรงกดมือเบรกเทียบเท่าน้ำหนักมากกว่า 1,000 กก.



เกมที่จะมาถึงในสุดสัปดาห์นี้ที่ Barcelona นี้ “ใครจะเป็นผู้คว้าชัย” ค่ายไหนจะประสบความสำร์จสูงสุด โดยในยุคของMotoGPสองครั้งหลังสุด ยามาฮ่า คือผู้คว้าชัยไปครอง และสามารถทำสถิติชนะที่นี่ได้รวม 9 ครั้ง โดยที่ ฮอนด้าชนะรวมได้ 4 ครั้ง ขณะที่ ดูคาติ ชนะไว้ได้สองครั้ง ขณะที่ซูซูกินั้นเคยชนะไว้ได้ที่สนามแห่งนี้ด้วยการย้อนหลังไปในปี2000 ด้วยผลงานของเคนนี่ย์ โรเบิร์ต จูเนียร์ ขณะที่ผลงานจากฤดูกาลที่ผ่านมานั้น ตำแหน่งบนโพเดี้ยมสามอันดับแรกนั้นคือ วาเลนติโน่ รอสซี่, มาร์ค มาเกรซ และแดนี่ เปโดรซ่า โดยมี มาเวริค บีญาเลส กับ โพล เอสปากาโร่ ทะยานมาเป็นอันดับที่สี่และห้าตามลำดับ ส่งผลให้ห้าอันดับแรกนั้นเป็นนักแข่งสเปนโดยที่ผู้ชนะเป็นนักแข่งอิตาลี ส่วนตำแหน่งโพลโพสิชั่นและเบสต์แล็บที่เป็นสถิติของสนามทำไว้โดย มาร์ค มาเกรซ ในเวลา 1’43.589 นาที จากการควอลิฟายในปี2016  ขณะที่ฟาสเทสแล็บที่ทำได้จากการแข่งขันนั้นเป็นของ มาเวริค บีญาเลส ในเวลา 1’45.971 นาที ซึ่งปีนี้ใครจะคว้าชัยชนะวันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายนนี้รู้กัน



UIP : 488 | Page View : 503