
แจ็ค มิลเลอร์ #43 ควง ฟรังเชสโก้ บันนาญ่า #63 บิดดูคาติคว้าชัยชนะในอันดับ 1-2 โดยมี ฟรังก์โก้ มอร์บิเดลลี่#21 ที่นำยามาฮ่าเข้าเส้นชัยในอันดับ 3 ส่วนผู้นำในเกมช่วงแรก ฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่ #20 เกิดอาการ อาร์มปั๊ม ขึ้นมาอย่างกะทันหัน จนไม่สามารถขับขี่ควบคุมรถได้ตามความต้องการ ทำได้เพียงประคองเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 13
เกมการแข่งขันMotoGP ได้เดินทางเข้ามาสู่สนามที่ 4 ยกพลดวลความเร็ว ณ เซอร์กิต เดอ เจเรซ-อังเคล นีอัตโต้ ประเทศสเปน ระยะทางต่อรอบ 4.423 กิโลเมตร ในรายการกราน พรีมีโอ้ เรดบูลล์ เดอ เอสปันญ่า โดยเกมรอบควอลิฟายมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม และเป็นทางด้าน ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #20 นำยามาฮ่า YZR-M1 สังกัดมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ที่บิดทำเวลาคว้าโพลโพซิชั่น พร้อมไล่ล่าแชมป์ที่ 4 ในฤดูกาลให้กับต้นสังกัด โดยผู้ที่ออกสตาร์ทอันดับ 2 เป็นอดีตเพื่อนร่วมทีม ฟรังก์โก้ มอร์บิเดลลี่ #21 ดาวบิดอิตาเลียน จาก ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที อันดับ 3 แจ็ค มิลเลอร์ #43 สนาม ทำเวลาไว้ 1’36.863 นาที อันดับ 4 ฟรังก์เชสโก้ บันนาญ่า#63 เวลา 1’36.960 นาที อันดับ 5 ทากะอากิ นากะกามิ #30 ทำเวลา 1’37.008 นาที อันดับ 6 โยฮัน ซาโก้ #5 ทำเวลา 1’37.054 นาที อันดับ 7 มาเวริค บีญาเลส #12 สังกัดมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ทำเวลา 1’37.070 นาที อันดับ 8 อเล็กซิส เอสปากาโร่ #41 เวลา 1’37.085 นาที อันดับ 9 อเล็กซ์ รินส์ #42 เวลา 1’37.127 นาที อันดับ 10 โจน เมียร์ #36 ทำเวลา 1’37.154 นาที ส่วนมาร์ค มาเกรซ #93 ออกสตาร์ทในอันดับที่ 14 เวลา 1’37.489 นาที ในขณะที่ วาเลนติโน่ รอสซี่ #46 จาก ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ออกสตาร์ทในอันดับที่ 17
Race Day ทำการแข่งขัน 25 รอบสนาม ระยะทางรวม 110.575 กิโลเมตร เกมเริ่มต้นในทันทีที่สัญญาณไฟแดงดับลง ฝูงรถแข่ง 23 คันพุ่งทะยานออกจากจุดสตาร์ท แจ็ค มิลเลอร์ #43 นำรถดูคาติทะยานขึ้นนำตามด้วยฟรังก์เชสโก้ บันนาญ่า#63, ฟรังก์โก้ มอร์บิเดลลี่ #21, ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #20 ผ่านไปไม่กี่รอบ อเล็กซ์ มาเกรซ#73 ก็ไปพลาดล้มลง ขณะเดียวกัน ฟรังก์โก้ มอร์บิเดลลี่ #21 ก็ขยับแซง ฟรังก์เชสโก้ บันนาญ่า ขึ้นมาตามหลังแจ็ค มิลเลอร์ เข้ารอบสอง ฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่ ขยับแซง ฟรังก์เชสโก้ บันนาญ่า ขึ้นมารั้งที่ 3 และในรอบถัดมา ฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่ ก็ขยับแซงอดีตเพื่อนร่วมทีม ฟรังก์โก้ มอร์บิเดลลี่ ขึ้นมาไล่กดดัน แจ็ค มิลเลอร์ ซึ่งในรอบที่ 4 ฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่ก็สามารถแซงนำ แจ็ค มิลเลอร์ ขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูง จากนั้น ฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่ ก็เร่งจังหวะนำยามาฮ่า M1 ทิ้งห่างออกจากแจ็ค มิลเลอร์ออกไปถึง 1.427 วินาทีเมื่อถึงรอบที่ 13 แต่เมื่อมาถึงรอบ 14 ฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่ ก็เกิดปัญหาทำเวลาต่อรอบหายไปเกือบ 1 วินาที ทำให้ แจ็ค มิลเลอร์ ขยับเวลาใกล้เข้ามาจนมาถึงรอบที่ 16 แจ็ค มิลเลอร์ ก็ขยับแซง ฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่ ขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูง และหลังจากนั้น ฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่ ก็ทำอันดับหล่นลงไปเรื่อยๆ ขณะที่ในกลุ่มผู้นำ แจ็ค มิลเลอร์ ยังคงนำรถดูคาติ ทะยานเป็นจ่าฝูงต่อไป โดยการมี ฟรังก์เชสโก้ บันนาญ่า ที่ขยับแซง ฟรังก์โก้ มอร์บิเดลลี่ ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2 โดยในช่วงท้ายเกม แจ็ค มิลเลอร์ สามารถประคองเกมการเป็นผู้นำไว้ได้ ทะยานผ่านธงตราหมากรุกได้เป็นคนแรก คว้าชัยชนะในเกมMotoGP ได้เป็นครั้งที่สองของตนเอง ทำเวลาไว้ที่ 41’05.062 นาที โดยครั้งแรกที่แจ็ค มิลเลอร์คว้าชัยชนะเป็นการคว้าชัยที่ประเทศเยอรมันเมื่อปี2016 ส่วนอันดับ 2 เป็นการยืนโพเดี้ยมอีกครั้งของ ฟรังก์เชสโก้ บันนาญ่า ทำเวลาไว้ที่ 41’07.517 นาที และเป็นครั้งแรกของดูคาติที่คว้าชัยชนะในรอบ 15 ปี อันดับ 3 ฟรังก์โก้ มอร์บิเดลลี่ #21 ทำเวลาไว้ที่ 41’08.118 นาที อันดับ 4 ทากะอากิ นากะกามิ #30 ทำเวลา 41’08.808 นาที อันดับ 5 โจน เมียร์ #36 เวลา 41’09.858 นาที อันดับ 6 อเล็กซิส เอสปากาโร่ #41 เวลา 41’10.766 นาที อันดับ 7 มาเวอริค บีญาเลส #12 เวลา 41’11.253 นาที อันดับ 8 โยฮัน ซาโก้ #5 เวลา 41’12.763 นาที อันดับ 9 มาร์ค มาเกรซ #93 เวลา 41’16.096 นาที อันดับ 10 โพล เอสปากาโร่ #44 เวลา 41’17.378 นาที ส่วน ฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่ จบการแข่งขันในอันดับที่ 13 ทำเวลาไว้ที่ 41’24.509 นาที พร้อมอาการบาดเจ็บจาก “อาร์มปั๊ม” จนทำให้ไม่สามารถใช้แขนในการควบคุมและออกแรงในการควบคุมรถได้เหมือนเดิม
สรุปผลคะแนนสะสมแชมป์โลกMotoGP หลังผ่านการแข่งขันสนามที่ 4 อันดับ 1 ฟรังก์เชสโก้ บันนาญ่า มีคะแนนสะสม 66 คะแนน อันดับ 2 ฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่ มี 64 คะแนน อันดับ 3 มาเวอริค บีญาเลส มี 50 คะแนน อันดับ 4 โจน เมียร์ มี 49 คะแนน อันดับ 5 โยฮัน ซาโก้ มี 48 คะแนน ส่วนการแข่งขันในสนามต่อไปจะทำการแข่งขันที่ประเทศฝรั่งเศส ในระหว่างวันที่ 14-16 พฤษภาคมนี้ ผลจะเป็นอย่างไร เราจะรายงานผลมาให้ทราบกัน