
ถ้า มิคาเอล โอลิเวียร่า ได้ยางที่เหมาะสมกับ KTM RC16 เข้าก็อาจจะมีโอกาสชนะเป็นครั้งที่สองในบ้านตัวเอง แล้วไม่หลุดจากกลุ่มนำหลังจากที่มีปัญหากับยางหน้าระหว่างการลงควอลิฟาย , ถ้า ฟรังก์เชกโก้ บันนาญ่า ไม่ถูกยกเลิกเวลาในช่วงควอลิฟาย เขาจะออกตัวจากตำแหน่งโพลโพสิชั่น รูปเกมอาจจะเปลี่ยนไปจากนี้ , ถ้ามาเวอริค บีญาเลส เร็วที่สุดแล้วออกตัวจากตำแหน่งโพลโพสิชั่น โดยที่ไม่ต้องถูกยกเลิกเวลา จากการที่รถแข่งผ่านไปบน no-go zone จากการที่ล้อหลังเหยียบไปบนแถบสีเขียวของแทร็ค โอกาสของเขาในการแข่งขันของเขาจะดีกว่านี้ “ถ้า” เป็นคำที่ ใช้ตั้งเงื่อนไข ในกรณีที่อาจจะส่งผลถึงรูปเกมและผลของการแข่งขัน ซึ่งในการชิงชัยสนามสามที่โปรตุเกสนั้น มีหลายเหตุการณ์มากมาย ที่ สื่อยุโรป นำมาหยิบยกตั้งประเด็น “ถ้า”
แต่ตัวแปรหนึ่งที่มีผลแน่นอนหากพลาดนั่นก็คือ ระบบอิเล็คทรอนิคส์ ที่ใช้ตรวจจับการขับขี่เมื่อเลยเข้าไปบนพื้นที่กรีนโซนของแทร็ค ด้วยการใช้เซ็นเซอร์จับแรงกด กล่าวคือ ถ้าส่วนหนึ่งส่วนใดล้ำเข้าไปในพื้นที่กรีนโซน สัญญาณก็จะแจ้งเตือน แน่นอนคุณไม่มีทางโต้แย้งใดใด ไม่ว่าจะเป็นเพียงขอบยางเล็กน้อยก็ตามที่เฉียดเข้าไป แต่ถ้าเซ็นเซอร์ตรวจจับได้ คุณก็ผิดกฏ กฏก็คือกฏ คอมพิวเตอร์แจ้งอย่างไรก็ว่าตามนั้น และนี่เองก็เป็นตัวแปร ที่ทำให้ โอวิเวียร่า,บันนาญ่าและบีญาเลส เสียโอกาส ในการสู้เพื่อตำแหน่งที่ดีกว่านี้ไป อันนี้ก็ว่ากันไป เพราะเกมมันผ่านไปแล้ว
แต่ที่แน่ๆ คู่ดวลในเกมสนามสามที่ผ่านมานั้น โดยหลักแล้วเป็นการปะทะกันระหว่าง ฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่ ด้วย YZR-M1 กับ อเล็กซ์ รินส์ ด้วย GSX-RR ที่ทั้งคู่ต่างเป็นเครื่องยนต์แบบสี่สูบแถวเรียงเหมือนกัน มีคาเรคเตอร์ที่คล้ายกัน ซึ่งที่สุดแล้วก็เป็น M1 โดย ฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่ ที่ทำได้ดีกว่า ยกลึกกว่า เข้าไลน์คมกว่า เลี้ยวไวกว่า และ กินยางน้อยกว่า
แถมสถิติยังฟ้องอีกว่า สามสนามผ่านไป M1 เป็นรถแข่งที่เจ๋งสุดในรอบหลายปี นับจากที่พวกเขาพยายามกันต่อเนื่อง นี่คือ การยืนระยะในกลุ่มหัวแถวได้เข้ามาถึงสามสนามติดต่อกัน นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2010 ที่ M1 ยังคงยืนหยัดต่อสู้ในกลุ่มหัวแถวได้ นับตั้งแต่ที่ กาตาร์ จนมาที่ยุโรป แถม ฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่ ยังก้าวขึ้นเป็นจ่าฝูงของคะแนนสะสม โดยเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เขาไม่สามารถทำได้เช่นนี้ ไม่ว่าจะตัวฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่เอง หรือแม้แต่รถแข่งM1เอง ปีที่แล้ว สถานการณ์ต่างไปจากนี้
แทบตลอดฤดูกาล 2020 ที่ผ่านมา ว่ากันว่า ฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่ บ่นเกี่ยวกับรถแข่งอยู่เสมอ ทว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา he admitted that he was the real problem , not the bike ถูกต้องแล้วครับเขาเอ่ยปากว่า ปัญหาเวลานี้อยู่ที่ตัวเขา ไม่ใช่ที่รถแข่ง “ถึงตอนนี้ทัศนคติต่างๆทางด้านจิตในของผมมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และผมบ่นน้อยลง ซึ่งมันช่วยอย่างมาก เพราะผมสามารถที่จะคิดและเรียนรู้เรื่องราวต่างๆได้มากขึ้น จนเข้าใจดีว่า แทนที่จะเอาแต่บ่น ผมเอาเวลามาคิดพินิจถึงสไตล์การขี่ วิธีการควบคุมรถของตัวเองดีกว่า ที่จะเอาแต่โทษรถแข่ง”
รอบการแข่งขันในวันอาทิตย์อาจกล่าวได้ว่าเกมการดวลจังหวะขับเคี่ยวระหว่าง ฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่ กับ อเล็กซ์ รินส์ นั้น ผู้สันทัดกรณีต่างกล่าวว่าเป็นเกมสุดคลาสสิคของการชิงชัย ทั้งแทคติคและเทคนิคในการขับขี่ ทั้งคู่ประเคนใส่กันอย่างเต็มที่ ซึ่งผลก็อย่างที่ทราบกันไปแล้ว แม้ว่าจะมีการเปิดประเด็นหลังเกมกันไปบ้าง มันก็เป็นเพียงอารมณ์หลังจบเกม อย่างไรก็ตาม ฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่ได้กล่าวว่า “ Yamaha ทำทุกอย่างรุดหน้าไปมาก เป็นก้าวย่างที่ไกลจากเดิม พวกเขาจัดการได้ดีขึ้น เช่นเดียวกับตัวผมเองที่ยังต้องพยายามเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกมากมาย จากในปีที่แล้วที่ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายกับการควบคุมรถแข่ง บ่อยครั้งที่รถไม่สามารถทำได้ดีอย่างที่หวัง จนผมแทบจะบ่นตลอดเวลาเกี่ยวกับรถแข่ง ทว่าในปีนี้หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ถึงเวลานี้รถแข่งเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาก แต่ก็มีเพียงบางจุดเล็กๆที่ดูจะยังเป็นปัญหาอยู่บ้าง ซึ่งก็หมายความว่าเราจะต้องพยายามช่วยกันทำให้จุดเล็กๆนั้นดีขึ้นกว่าเดิม ”
หลังแข่งข้อความหนึ่งที่ ฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่ พูดก็คือ ทัศนคติ หรือสภาพจิตใจ มีผลต่อความสำเร็จในการแข่งขันถึง 70% ทว่าในแนวคิดเดียวกันนี้ตำนานนักแข่งอย่าง มิค ดูฮาน เคยกล่าวว่า 90% ของจิตใจ มีผลต่อความสำเร็จในการแข่งขัน นั่นหมายความว่านับจากนี้ ประสบการณ์การเรียนรู้ จะค่อยๆสอนและเสริมความแข็งแกร่งให้กับ ฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่ มากยิ่งขึ้น อย่างน้อยเวลานี้เขาก็เริ่มรู้แล้วว่า การเอาแต่บ่นหรือการเอาแต่โทษรถแข่งนั้น “ไม่มีประโยชน์อะไร” เช่นที่ฤดูกาลนี้ เขาค้นพบว่า ควรที่จะเอาพื้นที่สมองมาพิจารณาสไตล์และวิธีการขี่ของตัวเองให้ดีที่สุดในแต่ละสถานการณ์จะดีกว่า
มาลุ้นกันว่า วันอาทิตย์นี้ที่เจเรซประเทศสเปนในMotoGP สนาม 4 ฟาบีโอ กวาร์ตาราโร่ ที่สามารถคว้าผู้นำเวลาในการออกสตาร์ทอันดับที่ 1 จะโบยบินได้ดีเพียงไร กับ Yamaha M1 ที่ว่ากันว่า “ดีขึ้น” กว่าปีที่ผ่านมา และ ตำแหน่งจ่าฝูง จะยังคงอยู่กับนักบิดฝรั่งเศสผู้นี้ต่อไปอีกหรือไม่