​Story from the Pit-Box… ย่างสู่ฤดูกาลที่ 25 ของ VR46

Valentino Rossi ยังคงเดินอยู่ในเส้นทางนักแข่งอาชีพเช่นที่ทำมาตลอด 24ปี และใน 2020 MotoGP นั้น ก็กำลังจะเป็นปีที่ 25 ของเขา ที่สำคัญเขายังคงทำในสิ่งที่เคยทำแบบเดิมในช่วงตลอด 24 ปี นับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่สังเวียนเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ไม่ว่าการใช้ชีวิตทั้งในและนอกสนาม การทำหน้าที่ในฐานะนักแข่งอาชีพ โดยเฉพาะ วินัยในการดูตัวเอง คงหาไม่ได้ง่ายนักสำหรับนักแข่งที่ยังคงรักษาระดับความเป็นมืออาชีพอย่างเคร่งครัด จนวัยผ่านตัวเลข 40 ปี อย่างเจ้าของฉายา The Doctor คนนี้ ที่สำคัญ เขายังกลับสนุกสนานกับการแข่งขัน ยังท้าทายกับทุกสิ่งที่เคยทำ นี่น่าจะเป็นสิ่งที่บอกได้ว่า เขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้

ทว่าเริ่มมีหลายคนเริ่มคิดถึงอนาคตของ Valentino Rossi ว่าจะไปในทิศทางใด โดยเฉพาะ การเลิกแข่ง การเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ จนถึงขนาดคาดเดาไปว่า เขาอาจจะก้าวขึ้นไปรับตำแหน่งผู้จัดการทีมแฟคทอรี่ก็เป็นได้ ซึ่งคำถามนี้ได้ถูกถามใส่ ผู้จัดการโปรเจ็คโมโตจีพีคนใหม่ new MotoGP project leader อย่าง Takahiro Sumi ที่ตอบว่า “ ผมคงไม่ใช่คนที่เหมาะสมที่สุดที่จะตอบคำถามประเภทนี้ เพราะหน้าที่ของผมนั้นคือ ทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้ Valentino สามารถกลับมายืนในระดับท๊อปได้อีกครั้ง เขาเป็นคนที่มีความจำดีอย่างมาก เขาจำได้เกือบทุกอย่างที่เราทำไปตลอดทั้งฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งความรู้และประสบการณ์ที่เขามีนั้นมันเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเรา แน่นอนว่ามันคือสิ่งที่ดีที่จะสามารถรักษาให้เขาอยู่เคียงข้างกับเราได้ เราต้องการรักษาทุกสัมพันธภาพที่มีกับเขาให้ร่วมทางกับ Yamaha ให้ยาวนานที่สุด ”
















 
พร้อมกันนี้หัวหน้าโปรเจ็คโมโตจีพีที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว พร้อมความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบแชสซีส์ของรถจักรยานยนต์ได้กล่าวถึงสถานการณ์ที่กำลังดีขึ้นของรถแข่ง Yamaha ที่ต้องบอกว่าอยู่ในช่วงที่ยากลำบากต่อเนื่องตลอดสี่ฤดูกาลที่ผ่านมาว่า “ เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ในปี 2018 แล้ว เราได้ทำการโมดิฟายองค์ประกอบต่างมากมาย เพื่อให้มีคาแรกเตอร์ที่นุ่มนวลขึ้น นักแข่งสามารถที่จะควบคุมได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังสามารถปรับให้มีอัตราเร่งที่ดีขึ้นกว่าเดิม และแน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันนั่นก็คือ การที่เราพยายามอย่างมากที่จะโฟกัสไปที่การเซ็ตติ้งระบบอิเล็คทรอนิคส์ให้ดียิ่งขึ้น และเราพยายามที่จะทำการปรับองค์ประกอบอื่นๆให้เหมาะดับนักแข่งแต่ละคนอีกด้วย ซึ่งแต่ละคนก็มีสไตล์เฉพาะที่ต่างกัน ดังนั้นพื้นฐานเบื้องต้นคือ เราต้องหา basic setting ให้ดีที่สุดเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ปรับให้เหมาะสมกับนักแข่งแต่ละคน อย่าง Valentino นั้นดูเหมือนว่าปัญหาสำคัญของเขาจะเกี่ยวกับอายุการใช้งานของยางที่มีการสึกหรอที่เร็วมาก เราพยายามทำความเข้าใจกับลักษณะทางกายภาพหรือรูปร่างของเขาแต่ก็ไม่มั่นใจมากนัก รวมทั้งเวลานี้เรากำลังพิจารณาไปที่สไตล์การขี่ เพราะว่าเขานั้นค่อนข้างจะขี่ได้อย่างสม่ำเสมอมั่นคงในการรักษาระดับความเร็ว ซึ่งจะแตกต่างกับนักแข่งรุ่นใหม่ๆที่มีสไตล์การขี่ต่างไป ซึ่งเรายังคงต้องทำการพัฒนาในด้านต่างๆเพื่อช่วยเขาให้กลับมาสู่ในระดับท๊อปให้ได้นั่นคือหน้าที่ของผม ”














 
บางคนบอกว่า Valentino Rossi ควรที่จะเปิดทางให้นักแข่งรุ่นใหม่ เข้ามานั่งในโควตา Factory seat ของ Yamaha เพราะมองว่า The Doctor นั้นทำผลงานได้ไม่ดีเพราะเร็วไม่พอ ซึ่ง “ไม่ใช่เลย” ทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่ Valentino Rossi เพียงฝ่ายเดียว เพราะในความเป็นจริง สี่ปีที่ผ่านมานี้ทีมเองก็พบกับความยากลำบากที่ต้องห่างหายจากคำว่าชัยชนะไม่น้อย โดยเฉพาะมากกว่าสองปีหลังสุดเพิ่งจะคว้าชัยได้สามครั้งจากการลงสนาม47ครั้ง ดังนั้นคงจะไม่ยุติธรรมนักหากจะเหมาว่า The Doctor ไม่เร็วมากพอ แน่นอนว่า ผ่านมา 24 ปี กับตำแหน่งแชมป์โลก 9 สมัย เขาอาจจะไม่สามารถยืนระยะได้ในระดับมาตรฐานที่เคยทำได้ในช่วงพีคสุด แต่เขาก็ยังมีดีพอสำหรับการยืนหยัดในแนวหน้า ด้วยประสบการณ์มากกว่า 400 สนาม ที่เขาลงแข่งขัน ที่เป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 1949 มีแข่งขันไปทั้งสิ้นประมาณ 940 ครั้ง กล่าวได้ว่า นี่คือ ตำนานที่ยังแข่งขันอยู่ และในปีที่ผ่านมาก็ไม่ใช่ปีที่ตกต่ำสุดของ Valentino เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ร่วมงานกับ Ducati ที่เขามีค่าเฉลี่ยในการคว้าแต้มสะสมแต่ละสนามต่ำกว่า 9.1 แต้ม ขณะที่ช่วงพีคสุดในปี2003 นั้น เขาสามารถทำค่าเฉลี่ยในการคว้าแต้มได้ 22.3ต่อสนาม ตั้งแต่เขาชนะครั้งแรกในเกมระดับกรังด์ปรีซ์ รุ่น 125ซีซีที่Brno ในปี 1996 เขาก็ยังสามารถสร้างโอกาสลุ้นคว้าชัยชนะได้หลายครั้ง เพียงแต่องค์ประกอบยังไม่พร้อมสมบูรณ์ที่สุด แต่ก็เพียงพอที่จะขึ้นยืนบนโพเดี้ยมได้สำเร็จ จากนักแข่งโนเนมที่ไม่มีใครสนใจ เมื่อก้าวเข้าสู่สังเวียน1996WGP ครั้งแรกในรุ่น 125 ซีซี ที่มาพร้อมด้วยความฝันอันเต็มเปี่ยมที่จะแสวงหาความสำเร็จในเวทีการชิงชัยระดับโลกที่นักแข่งทั่วโลกต่างใฝ่ฝันถึง ซึ่งครั้งแรกที่เขาลงสนามร่วมกับนักแข่งใน 125GP คนอื่นๆ เขาถึงกับพูดกับเพื่อนสนิทสมัยเรียนอย่าง Uccio Salucci ว่า

“ F**k มันเหลือเชื่อมาก พวกเขาโคตรเร็วเลย มันเป็นอีกระดับของการแข่งขันเลยน่าจะเร็วมากกว่าสี่วินาทีต่อรอบ ผมจะต้องหาวิธีการขี่แบบอื่นๆเพื่อไปให้เร็วกว่าเดิม”

นับจากนั้นเราจะได้ยินข่าวเสมอว่า The Doctor เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ลองอะไรใหม่ๆเสมอ โดยเฉพาะเทคนิคในการขับขี่ใหม่ๆ รวมทั้งใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งการฝึกซ้อม การใช้ชีวิต ที่สำคัญที่ทุกคนยอมรับก็คือ สกิลในการหาข้อมูลเก็บข้อมูล เพื่อการเซทติ้งรถแข่ง เชื่อว่าใน 2020MotoGP หากทิศทางในการพัฒนารถแข่งของทีมเป็นไปในทางบวกตามข่าวจริง แต่ก็ขึ้นกับว่า คู่แข่งเองนั้นจะขยับหนีห่างได้ด้วยไหม แต่ไม่ว่าอย่างไร เรามั่นใจว่า ปีที่25 ของ Valentino Rossi นั้น อย่างน้อย เราจะยังได้เห็นเขา ก้าวขึ้นโพเดี้ยมเช่นในฤดูกาลนี้









'













UIP : 1,603 | Page View : 2,420