ยามาฮ่า ฟินน์ กล้าที่จะไป กล้าที่จะเป็น กล้าที่จะฟินน์ ในวันนี้เราได้มีโอกาสรู้จักกับหนุ่มเดลิเวอร์รี่ ที่ผันตัวมาจากเด็กปั๊ม เพื่อก้าวที่จะเติมความฝันของตนเอง ในการทำงานที่อิสระมากขึ้น โดยมีรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟินน์ เป็นรถคู่กายไว้ใช้ทำงานไปตามความฝัน พร้อมเปิดโลกกว้างกับการท่องเที่ยวด้วยรถจักรยานยนต์คู่กาย โดยมีภรรยาและลูกอีก 2 คนรวมเป็น 4 เดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟินน์ ไปเติมความฝันที่ตนเองสร้างไว้ กับ “เทพนัส อุ่นอำไพ”  หนุ่มนักล่าฝันกับรถครอบครัวพรีเมี่ยมคู่ใจ
 
ก่อนที่จะมาถึงวันนี้ “เทพนัส อุ่นอำไพ” ได้กล่าวถึงชีวิตส่วนตัวของตนเองว่า “สมัยก่อนผมทำงานอาชีพเป็นพนักงานเติมน้ำมันครับ แต่ก็กล้าที่จะเปลี่ยนด้วยการเปลี่ยนอาชีพใหม่ เพราะงานประจำมันไม่ตอบโจทย์ของตนเอง อีกทั้งผมเป็นคนที่ชอบการเดินทาง ทั้งขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อทำอาชีพใหม่คือพนักงานส่งอาหารของ LineMan และ Grab ซึ่งถือเป็นการท้าทายครั้งใหม่ เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง กล้าที่จะเปลี่ยนเพื่อครอบครัวให้ดีขึ้น และกล้าที่จะพาครอบครัวไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆโดยมียามาฮ่าฟินน์ เป็นเพื่อนร่วมทาง”
 




















การเติมความฝันของตนเองลุกโชนขึ้นมาจากการชื่นชอบงานที่ท้าทาย และชื่นชอบการขับขี่รถ “เทพนัส อุ่นอำไพ” จึงเลือกรถครอบครัวพรีเมี่ยม “ยามาฮ่า ฟินน์” มาเป็นรถคู่กายใว้ใช้ทำงานในฐานะพนักงานส่งอาหารเดลิเวอร์รี่ของค่าย Line และ Grab ซึ่ง เทพนัส ได้กล่าวว่า “ยามาฮ่า ฟินน์ คันนี้ผมซื้อมาตั้งแต่ปี2020 แล้วครับ เลขไมล์ตอนนี้อยู่ที่ 4 หมื่นกว่ากิโลครับ ยอมรับว่าตั้งแต่ใช้มาคันนี้ประหยัดน้ำมันดี เครื่องยนต์ 115 ซีซี มีอัตราการเร่งที่ตอบสนองได้อย่างต่อเนื่อง... สิ่งที่ผมประทับใจในยามาฮ่า ฟินน์ ก็คือ เป็นรถที่มีดีไซน์ที่สวยหรู รวมถึงเป็นรถที่ประหยัดน้ำมันและมีความทน และสิ่งที่ผมชอบในยามาฮ่าฟินน์ก็เห็นจะเป็นกล่องเก็บของหน้ารถที่ผมสามารถเอาขวดน้ำดื่ม หรือพาวเวอร์แบงค์ หรือโทรศัพท์ใส่ ซึ่งผมว่ายามาฮ่า ฟินน์เป็นรถครอบครัวรุ่นเดียวที่มีกล่องเก็บของด้านหน้าแบบนี้ รวมถึงอีกจุดที่ผมชอบคือ สวิตช์กุญแจที่รวมสวิตช์ไว้ทั้งสตาร์ทเครื่องยนต์รวมถึงเปิดเบาะไว้ในจุดเดียว เรียกได้ว่าสะดวกสบายมากครับ” และอีกหนึ่งสาเหตุของการเลือกยามาฮ่า ฟินน์ ก็คือโปรโมชั่น โดย “เทพนัส”ได้กล่าวต่อไปว่า “ที่ผมเลือกใช้ยามาฮ่า ฟินน์ เพราะว่าในช่วงที่ซื้อทางยามาฮ่ามีโปร รับประกัน 5 ปีไม่จำกัดระยะทาง ผมว่าเหมาะกับอาชีพแบบผมที่ใช้รถอยู่ตลอดเวลา ถือว่าคุ้มค่ากับ 5 ปีที่ยามาฮ่าให้มาก”
 
สำหรับยามาฮ่า ฟินน์ คันนี้ นอกจากจะใช้ขับขี่ทำงานแล้ว “เทพนัส”ได้บอกกับเราเพิ่มเติมว่า “แต่ละวันผมใช้รถประมาณ 150 – 200 กิโลเมตรครับ สำหรับการขับขี่ท่องเที่ยวก็ถือว่าไปเที่ยวกันเป็นประจำครับ ก่อนจะออกทริปผมก็จะเอารถไปเข้าเช็คที่ศูนย์บริการ และผมก็จะเช็คระบบเบรกระบบไฟการทำงานของรถ จากนั้นก็จะมาเตรียมพวกข้าวของเครื่องใช้เอามาใส่ในกล่องที่อยู่ด้านหลังซึ่งจะมีเสื้อผ้ามีเตาปิ๊กนิคขนาดเล็ก รวมถึงอาหารไว้ทำในขณะที่ถึงจุดหมาย รถผมติดตั้งเบาะนั่งเด็กอยู่ด้านหน้าของเบาะ โดยตอนที่ขับขี่ผมก็จะให้ลูกชายคนโตนั่งหน้าต่อด้วยผมและลูกสาวคนเล็กโดยมีภรรยานั่งท้ายสุดพร้อมประคองลูกสาวด้วย ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ายามาฮ่าฟินน์ มีอัตราเร่งที่ดี ระบบกันสะเทือนก็รองรับน้ำหนักได้ดีแต่ผมก็มีการเปลี่ยนโช้คใหม่ให้เหมาะกับการใช้งาน” เทพนัส กล่าวอย่างปิติที่ได้นำครอบครัวไปท่องเที่ยวด้วยรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟินน์ และทีมงานเราเองก็แปลกใจอยู่ไม่ใช่น้อย ที่คนๆนึงจะพาลูกและภรรยานั่งซ้อนท้ายพร้อมบรรทุกของไปขับขี่ท่องเที่ยว ดังนั้นทีมงานเราก็ถามต่อถึงระยะเวลาในการขับขี่และการเดินทางซึ่ง “เทพนัส” ได้บอกว่า “เวลาขับขี่เดินทางไปกันทั้งสี่คนผมคำนึงถึงความปลอดภัยโดยก็จะขับขี่ด้วยความเร็ว 60-80 กม./ชม. โดยจะใช้ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตรก็จะพักเพื่อให้เด็กๆและภรรยาผมได้พักและไม่ให้เขาเหนื่อยจนเกินไปครับ”




















 
สำหรับการเดินทางด้วยรถยามาฮ่า ฟินน์ นั้น “เทพนัส” ได้กล่าวถึงการขับขี่ในแต่ละครั้งว่า “ในแต่ละทริปผมก็จะใช้ระยะทางในการเดินทางประมาณ 300 กิโลเมตรขึ้นไป ผมเดินทางด้วยรถคันนี้ไปหลายแห่งมากอย่างล่าสุดผมไปกางเต้นท์ที่เจ็ดคต โป่งก้อนเส้าที่สระบุรี หรืออย่างทริปขี่ยามาฮ่าฟินน์ ไปกันสี่คนพ่อแม่ลูกไปที่ภูทับเบิก ไปถึงจุดยอดเขาเลยนะครับ ยามาฮ่าฟินน์คันนี้ตอบโจทย์ได้ดี เราขี่รถขึ้นไปถึงยอดเขาภูทับเบิกได้สบาย โดยทริปนั้นขี่รวมระยะทางพันกว่ากิโลเติมน้ำมันไปห้าร้อยกว่าบาท ซึ่งในการออกทริปแต่ละครั้งผมประทับใจในความประหยัดน้ำมันของยามาฮ่าฟินน์มาก บางคนสงสัยว่าทำไมผมถึงขี่ยามาฮ่าฟินน์เดินทางไกลท่องเที่ยวผมบอกได้เลยว่า ยามาฮ่า ฟินน์คันนี้ ประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์อึด อัตราการเร่งดีครับ และแน่นอนว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ผมมีแผนที่จะขี่เที่ยวไปกับสี่คนพ่อแม่ลูกนี้อีกครั้ง จะขี่ยามาฮ่าฟินน์ไปเที่ยวเชียงใหม่ โดยวางแผนเดินทางประมาณ 5 วัน 4 คืนครับ”
 
ต้องบอกได้ว่าทีมงานนิตยสารจักรยานยนต์เวิร์ลด์ถึงกับทึ้งในชีวิตของเด็กหนุ่มคนนึงที่สานฝันของตนเอง กล้าที่จะเปลี่ยนงาน ทั้งกล้าที่จะไปสู่โลกภายนอก มีรถจักรยานยนต์คู่กายพากันไปขับขี่ท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ทั้งยังเปิดโอกาสชวนภรรยาและลูกอีกสองคนมานั่งซ้อนท้ายพร้อมขับขี่ไปบนถนนเพื่อให้เราได้เก็บภาพประทับใจในครั้งนี้ ก่อนที่จะจากลากัน “เทพนัส อุ่นอำไพ” ได้กล่าวกับทีมงานเราว่า “สำหรับใครที่มองหารถครอบครัว ผมว่ายามาฮ่า ฟินน์ ตอบโจทย์การใช้งานในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องยนต์อึดทน อัตราเร่งดีต่อเนื่อง และอีกอย่างคือโปรโมชั่นการรับประกัน 5 ปีไม่จำกัดระยะทาง ถ้าใครมาหาต้องคันนี้ครับ ยามาฮ่า ฟินน์”