​ยามาฮ่า จัดสัมภาษณ์พิเศษผู้บริหารระดับสูง…กับการเผยโฉม ยามาฮ่า YZF-R7

ยามาฮ่า ได้ทำการเปิดตัวรถจักรยานยนต์สายพันธุ์ อาร์ซีรี่ย์ รุ่นใหม่ล่าสุด New Yamaha YZF-R7 พร้อมยังให้สื่อมวลชนได้ทำการทดสอบขับขี่ โดยก่อนที่จะมีการทดสอบนั้นสื่อมวลชนได้มีโอกาสสัมภาษณ์ นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร และนายภาณุพล กิตติคำรณ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขายและการตลาด พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถึงการเปิดตัวรถยามาฮ่า R7 รุ่นนี้
 
นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร ได้กล่าวถึงแผนการตลาดว่า “ยามาฮ่า R7 เราวางตำแหน่งสินค้าเป็น 3 กลุ่มหลัก กลุ่มแรกคือคนที่อยากเซ็ทอัพเป็นบิ๊กไบค์ กลุ่มที่สองคือคนที่ขี่เรซซิ่งอยู่แล้วๆ อยากจะเทียบอีกแบรนด์ กลุ่มที่สามคือกลุ่มที่อยากสไตล์การขับขี่แบบเรซซิ่งและก็การขับขี่ท่องเที่ยวไปด้วย คือตัว R7 นั้นมี DNA ทางด้านเรซซิ่งและก็เป็นรถที่ขี่สนุกสนานด้วยในรูปแบบทัวริ่งได้ ตรงนี้ก็คิดว่าเป็นกลุ่มที่รถจะสามารถทำการตลาดได้ ส่วน R6, R1 จะเป็น Top Class เราตั้งใจทำรุ่น R7 ออกมาเป็นกลุ่มที่เจาะทั้งสามกลุ่มนี้ แล้วก็ราคา 339,000 บาทที่จับต้องได้ ทางยามาฮ่าเองก็เราได้สัมผัสลูกค้าอยู่เรื่อยๆ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ไม่ได้ซื้อรถแล้วก็ขี่ด้วยตัวเองคนเดียว อยากได้ประสบการณ์หลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการฝึกขับขี่ที่เรามี YRA รวมถึงสอนเรื่องเทคนิคการขับขี่แบบเรซซิ่งด้วย ซึ่งเริ่มจากเบสิคไปจนแอดวานซ์ให้ด้วย แล้วก็อีกกลุ่มหนึ่งคือ กลุ่มที่ชอบท่องเที่ยว เราก็จะมีจัดกลุ่มท่องเที่ยวที่จะมีทริปต่างๆ ที่จะนำเสนอขึ้นมา ก็เชื่อว่าจะชัดเจนและขยายฐานได้ดี”
 




นอกจากนี้คุณพงศธรได้กล่าวต่อไปอีกว่า “ สำหรับยามาฮ่า R7 นั้นได้มีการเปิดตัวไปแล้วที่อเมริกาและยุโรป ซึ่งได้ผลตอบรับดีมาก ที่อเมริกามียอดขายไปแล้วถึงหนึ่งพันกว่าคัน ส่วนที่เมืองไทยหลังจากเปิดตัวและให้จอง ตอนนี้ก็มียอดจองอยู่ที่ 150 คันแล้ว ซึ่งก็มีลูกค้าบางส่วนที่ได้รถไปแล้วเช่นกัน ทั้งนี้ยามาฮ่าเองก็วางเป้าหมายการขายไว้อย่างชัดเจน ในช่วง 3 เดือนแรก เรามองว่าจะสามารถขายได้ถึง 250 คัน จากนั้นในช่วงสามปีต่อไปจากนี้ก็วางตัวเลขไว้ 2,000 คันครับ”
 
ทางด้าน นายภาณุพล กิตติคำรณ ได้กล่าวเสริมว่า “ยามาฮ่าได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับ 200 คันแรก ดาวน์เพียง 7,000 บาท ได้รับอัตราดอกเบี้ยสุดพิเศษที่ 3.95 % ต่อปี ผ่อนนานถึง 60 เดือนก็ตกประมาณเดือนละ 6,000 บาท ฟรีประกันภัย 1 ปี ซึ่งเป็นรุ่นที่เราทำราคาและโปรโมชั่นเพื่อให้ลูกค้าเอื้อมถึง พอเปิดตัววันแรก(7 ตุลาคม) ก็ขายไปถึง 50 คันในสามชั่วโมงแรก หลังจากนั้นก็มีทยอยจองมาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ก็ 150 คัน อยากฝากสื่อมวลชนทุกๆท่านช่วยประชาสัมพันธ์กันด้วยนะครับ ตอนนี้กลุ่มลูกค้า R15 กับ R3 ก็เข้ามาจองกันแล้ว คือพอเห็นแล้วก็อยากขี่อยากเป็นลูกศิกษ์ครูเป็ด จับกลุ่มมากัน 7 คน จอง 7 คันเลย เขาบอกว่าขี่ยามาฮ่าไม่มีเหงา คนที่เป็นลูกค้ายามาฮ่าไม่มีเหงารับรองได้ เรามีกิจกรรมให้คุณทั้งปีครับ”





ในช่วงสภาวะแบบนี้ทั้งการแพร่ระบาดของโควิด19 ทั้งสภาพเศรษฐกิจ การเปิดตัวรถใหม่ในราคาแบบนี้ ทาง นายภาณุพล กิตติคำรณ กล่าวว่า“ ผมว่ามันรวมๆกันนะครับ คือโควิดกับเศรษฐกิจมันผูกรวมไปหมด แต่ว่าสิ่งที่กระทบคนขี่บิ๊กไบค์ออกมาขี่ไม่ได้ จริงๆกำลังซื้ออะไรมันไม่มีผลเท่าไหร่ ดังนั้นปัจจัยด้านเศรษฐกิจเนี่ยมีน้อยกว่า ปัจจัยหลักคือขี่ไม่ได้มากกว่า อย่างวันนี้ค่อยๆเปิด ค่อยๆมากันได้เนี่ยเป็นปัจจัยหลัก ก็คิดว่าจากนี้ไปสถานการณ์หลังฉีดวัคซีนแล้วก็เปิดประเทศไปเนี่ยค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ จะค่อยๆ ยกระดับขึ้น ผมว่าจุดต่ำสุดน่าจะผ่านไปแล้ว และทางเราเองก็มีกิจกรรมดีๆรออยู่ทั้ง Yamaha Big Bike Training, Yamaha Riders’ club meeting, Yamaha The Unexpected Journey สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ท่องเที่ยว, Yamaha Racing Clinic, Yamaha Racing Practice และ Yamaha Championship สำหรับผู้ที่ชื่อชอบการขับขี่ในสนาม อันนี้ก็ต้องโปรโมทเป็นพิเศษ อย่างที่เรียนไปแล้วนะครับว่าตัว R7 คาแรคเตอร์รถกับ R6 ใกล้เคียงกัน แต่การดีไซน์ที่ออกมาคือต้องบอกว่ามันถอดแบบหรือว่ามันได้อารมณ์ความรู้สึกของ R-Series ซึ่งถ่ายทอดมาจากรุ่นพี่ แต่การดีไซน์เนื่องจากว่าเป็นเครื่อง 2 สูบ มีน้ำหนักเบา แล้วการดีไซน์ตัวโครงมันเพรียว เราตั้งใจว่ากลุ่มลูกค้าR7 เป็นคนที่ไม่ได้มุ่งเน้นในการขับขี่ในสนามเพียงอย่างเดียว แต่ยังชอบใช้ชีวิตประจำวันหรือการขี่ไปทัวริ่งต่างๆ เพราะเนื่องจากการดีไซน์ออกมาทำให้รถมันขี่สนุก การ Cornering ดี เครื่อง Crossplane 2 สูบทุกคนก็ทราบอยู่แล้วเรื่องอัตรา Torque เพราะ Torque เนี่ยจะมาในช่วงกลางๆ เวลาขับขี่ ผมว่าในชีวิตประจำวันไม่มีใครใช้ Maximum Speed ได้ตลอด ส่วนใหญ่ก็อยากจะได้ torque อยากได้อัตราเร่งแซง  ฉะนั้นในการที่จะออกไปมันสนุกกับโค้ง ซึ่งเดี๋ยวพรุ่งนี้ได้ลอง แล้วก็จะลองดูว่าตัว R7 เวลาเราต้องการเร่ง คันเร่งมันดึงพละกำลังออกมาได้เลย ซึ่งมันก็สนุกนะครับ...ในรอบกลางไม่ว่าจะแรงม้า หรือว่า Torque จะมาที่รอบกลางๆ ให้ความสนุกขี่ได้ในชีวิตประจำวันที่ต้องการความสนุก ไม่จำเป็นต้องใช้รอบสูงเลย แล้วก็ตัวช่วงล่างต้องขอบอกเลยว่า อันนี้มันที่สุดในคลาสแล้ว ระบบโช้คตัวนี้เราเป็นแบบ Pre-load จะเป็น Rebound จะเป็น Compression ซึ่งมันหาไม่ได้ในคลาสเดียวกัน ข้างหลังก็ปรับได้ทั้ง Pre-load ทั้ง Rebound ครับ คุณสามารถสนุกกับถนน คุณจะปรับให้มันนุ่มหน่อย หรือว่าคุณจะลงสนามปรับให้มันแข็งหน่อยมันทำได้หมด ได้ดั่งใจนี่คือสิ่งที่เป็นจุดเด่นของ R7 ต้องไปลองครับ แล้วพรุ่งนี้ก็ลองดูว่าไปจับความรู้สึกว่ามันเป็นยังไง การเข้าโค้งมันตอบสนองยังไง ขอบอกว่า Cornering เวลาออกโค้งแล้วเปิดออกไปเนี่ยมัน Smooth มากครับ




 
นอกจากนี้ นายภาณุพล กิตติคำรณ ยังกล่าวถึงเบื้องหลังความเป็นมาเป็นไปของ R7 ไว้ว่า
“ทำไมถึงมี R7 ทำไมยามาฮ่ามีโปรเจค R7 ผมเข้าใจว่าR7 ไม่ได้มาแทน R6 เพราะ R6 เป็นรถที่แตกต่างกัน ถ้าคนรู้ก็จะรู้ว่ามันไม่ได้แทนอะไรกันเลย เพราะว่า R6 มันมีเวลาของมันอยู่ แต่ R7 มาสอดรับพอดีเป็นการไลน์อัพที่มาแบบพอดี สำหรับผู้ใช้เริ่มต้นไม่ต้องถึงกับ R6 ก็ได้ หรือว่า R1 ก็จะไกลตัวเกินตัว ตอนนี้คือปัญหานึงคือต้องพยายามชี้แจงคนข้างนอกว่า มันไม่ใช่ Sport Pure Bike ที่แบบต้องอยู่แค่บนแทร็ค อย่างที่บอกว่ามันบน Street ได้ ตัวนี้เป็น Global Model นะ มีการDevelop ที่ญี่ปุ่น ออกแบบใหม่เพื่อ R7 จุดตรงนี้ชัดเจนมาก คือเค้าดูตลาดทั่วโลก แล้วก็จะมีแนวโน้มว่าพวก Nakked ก็เป็นพวกหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็จะมีช่องว่างตรงนี้อยู่ เป็น Empty Bike ของบิ๊กไบค์ ก็เรียกว่าใหญ่พอที่จะลงทุนและทำจริงจัง คือการคาดการณ์ก็ยากเหมือนกัน จากนี้ R7 ก็จะพัฒนาต่อเนื่องไปอีกเป็นซีรีส์ขึ้่นมาเรื่อยๆ
 
 


 
นอกจากนี้ คุณพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร ได้กล่าวถึงผู้ใช้รถที่อยากหาความท้าทายใหม่ๆกับ R7 เป็นการปิดท้ายว่า “ สำหรับลูกค้าที่อยากไลน์อัพใหม่ Riding Positon ของ R7 ถ้าเทียบกับ R6 จะต่างกันเล็กน้อย แต่ยังให้ความเป็นรถSuperSport  มากกว่ารถสไตล์ Sport Touring เหมือน R3 สำหรับR7 มันอยู่ระหว่างตรงกลาง ซึ่งถามว่าถ้าคนที่ชอบสาย Sport สไตล์การขี่ Position มันคือ Sport แต่ไม่เท่า R6 แล้วก็ส่วนกิจกรรมของยามาฮ่า เราไม่ได้มีแค่ขับขี่ในสนาม เราจะมีตั้งแต่ขับขี่ปลอดภัยเลย สอนตั้งแต่แรก ซึ่งขับขี่ปลอดภัยเนี่ยคุณก็สามารถไปทำใบขับขี่บิ๊กไบค์ได้ แล้วก็เรื่องของ Touring ยามาฮ่าเรามี Touring อยู่ทุกปีไป unseen หรือ unexpected เส้นทางที่สวยๆ ซึ่งถ้าเป็นของ R7 เราก็จะพยายามหาเส้นทางสวยๆ เพราะว่าคนที่ขับรถสายสปอร์ตจะชอบอารมณ์ถนนประมาณนั้น คือจริงๆ ทั้ง R7 หรือรถทุกรุ่นของยามาฮ่า เราก็จะมี Touring อยู่แล้วซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี ถ้าไม่มีเรื่องของโควิดหรือกฎหมายห้าม แล้วในเรื่องของในการขี่ในสนาม เราก็มีอยู่แล้วตลอด สำหรับตัว R7 ที่จริงโดยตัวรถ ผมมองว่าเน้นเรื่อง Safty Riding มากกว่า Track เพราะเราใช้เดินทาง เพราะว่าถ้าผู้ใช้มีความรู้ การขับขี่การเดินทางเค้าสามารถที่จะปรับท่านั่งได้ ก็จะช่วยได้เยอะ เพราะบางคนที่เมื่อยก็เพราะท่านั่งไม่ถูกต้องมันก็ทำให้ขับขี่ได้ไม่ไกล สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Rider’s Club YRC ทั่วประเทศที่มีอยู่ 15 สาขาครับ ขอบคุณสื่อมวลชนทุกๆท่านที่มาร่วมงานการทดสอบในครั้งนี้”





UIP : 1,526 | Page View : 4,292