​วรูม ไทยแลนด์” ยกทัพรถ BAJAJ Pulsar & Dominar ครบทุกรุ่นพาสื่อมวลชนทดสอบเส้นทางกรุงเทพ-เขาใหญ่

วรูม ไทยแลนด์ นำรถจักรยานยนต์ BAJAJ ในรุ่น Pulsar และ Dominar ให้สื่อมวลชนร่วมทำการทดสอบรวมสามเส้นทาง โดยทีมงานจักรยานยนต์เวิร์ลด์ ได้ร่วมทริปกรุงเทพ-เขาใหญ่-เขาเขียว-เขื่อนขุนด่านปราการชล เป็นการทดสอบสมรรถนะรถจักรยานยนต์จากแดนชมพูทวีปอย่างเข้มข้นเป็นครั้งแรก ซึ่งบทสรุปหลังผ่านทั้งทุกสภาพอากาศที่อากาศเย็นสบายยามเช้าทั้งอากาศร้อนช่วงเที่ยงพร้อมปิดท้าบตะลุยฝนในช่วงเย็น ซึ่งต้องขอฟันธงแบบไม่เกรงใจใครว่า “รถอินเดียแต่สมรรถนะระดับเวิร์ลด์คลาส”
 
ทั้งนี้วรูม ไทยแลนด์ ได้ทำการจัดการทดสอบรถจักรยานยนต์ BAJAJ ขึ้นโดยแบ่งการทดสอบออกเป็น 3 ช่วงด้วยกันคือ เส้นทางทางกรุงเทพฯ- กาญจนบุรี เส้นทางที่สอง กรุงเทพ-ระยอง และเส้นทางที่สาม กรุงเทพ-เขาใหญ่-เขาเขียว โดยทีมงานนิตยสารจักรยานยนต์เวิร์ลด์ได้ร่วมทำการทดสอบในเส้นทางที่สาม โดยก่อนเริ่มการทดสอบได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงจากวรูม ไทยแลนด์ ให้เกียรติมาปล่อยตัวที่โชว์รูมของบริษัทปากซอยลาดพร้าว122 ซึ่งการทดสอบครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของวรูท ไทยแลนด์ ที่นำรถจักรยานยนต์ BAJAJ ในรุ่นPulsar NS 160 รุ่น Pulsar NS 200 FI ABS, BAJAJ Pulsar RS 200 FI ABS และ BAJAJ Dominar 400 มาให้สื่อมวลชนได้ทดสอบสมรถนะอย่างเข้มข้นเป็นครั้งแรก





















ขบวนการทดสอบรถBAJAJ ทั้ง 4 รุ่นเดินทางออกจากสำนักงานในช่วงเช้าตรู่ ผ่านถนนลาดพร้าวเส้นสู่แยกมีนบุรี ซึ่งในช่วงแรกนักทดสอบจากนิตยสารจักรยานยนต์เวิร์ลด์ได้ลงขับขี่ BAJAJ Pulsar RS 200 FI ABS ซึ่งรถสไตล์สปอร์ตที่รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวดุดัน มีความโดดเด่นด้วยไฟหน้าคู่แบบ Projector ส่วนไฟท้ายแบบเส้นโค้งเว้าที่ไม่เหมือนใคร เครื่องยนต์ ขนาด 200 ซีซี DTSI ระบบหัวฉีดโดดเด่นด้วยตัวจุดระเบิดแบบ Triple Spark Plug พร้อมแรงม้า 24.5 ตัว ระบายความร้อนด้วยน้ำ มาพร้อมกับระบบเบรกแบบABS ท่อไอเสียดีไซน์แบบสปอร์ต ไฟเรืองแสงแบบ Blue Light เบาะนั่งแยกชิ้นสไตล์รถบิ๊กไบค์ เฟรมอลูมิเนียมแบบ Perimeter สิ่งแรกที่ประทับใจคือท่านั่งที่ดูมีความเป็นสปอร์ต แถมเวลาวิ่งออกตัวรถมีน้ำหนักที่เบา ควบคุมง่ายผ่านสภาพการจราจรที่หนาแน่นไปได้อย่างรวดเร็ว ช่วงแรกนี้ท้องฟ้ายังไม่เปิดมากนักเราเห็นความส่องสว่างของไฟหน้าที่ชัดเจนพร้อมไฟเรืองแสงBlue Light ในตำแหน่งของแฮนด์เดิลบาร์ทั้งขวาและซ้าย จากนั้นรถก็มุ่งหน้าเข้าถนนนิมิตรใหม่ สู่ลำลูกกาตัดเข้าเข้าสู่ถนนรังสิต-นครนายกบริเวณคลอง 8 ซึ่งในช่วงแรกนี้ต้องยอมรับว่า BAJAJ Pulsar RS 200 FI ABS ให้การขับขี่ที่ดี ควบคุมง่ายในเส้นทางแคบๆ แต่พอเข้าสู่ถนนรังสิต-นครนายก เราเริ่มเร่งจังหวะความเร็วมากขึ้นมาอยู่ประมาณ 115-120 กม./ชม. อัตราเร่งเกียร์ต่อเกียร์ทำได้ดี รอบเครื่องจัดจ้านเร้าใจทั้งเริ่มคุ้นเคยกับช่วงล่างทั้งเฟรมและการทำงานของสวิงอาร์มได้มากขึ้น หลังพ้นแยกองครักษ์ เราเริ่มปลดปล่อยพลังของ BAJAJ Pulsar RS 200 FI ABS ออกมาพร้อมพลังความแรง 24.5 ตัวที่ส่งผลให้ทำท็อปสปีดได้สูงถึง 145 กม./ชม. ก่อนลากยาวอย่างต่อเนื่องเพื่อเค้นสมรรถนะออกมาให้เต็มกำลัง จนมาถึงตัวเมืองนครนายก วิ่งจัดขบวนสู่ทางขึ้นเขาใหญ่ก่อนแวะพักเพื่อเปลี่ยนรถและรับประทานอาหารเช้า...แค่ตัวแรกที่ขี่ก็ประทับใจแล้ว เครื่องยนต์ 200 ซีซีกับท้อปสปีด 145 ทั้งระบบกันสะเทือนที่ดีเยี่ยม และเครื่องยนต์พร้อมชิ้นส่วนยังแน่นพร้อมให้เพื่อนร่วมทริปได้เปลี่ยนมือ
 
หลังพักรับประทานอาหารเช้าที่มาพร้อมกับสายฝนที่โปรยปรายมาพักนึงก็หยุดลง ขบวนทดสอบ BAJAJ ก็เริ่มต้นกันต่อ โดยรถที่ลงขี่อีกรุ่นก็คือ BAJAJ Pulsar NS 200 FI ABS โดยตัวนี้ระบบเครื่องยนต์ เฟรม สวิงอาร์ม เหมือนกับรุ่น BAJAJ Pulsar RS 200 FI ABS แต่ท่านั่งของ BAJAJ Pulsar NS 200 FI ABS มาในแนวเน็คเก็ตสปอร์ต ทำให้เห็นอีกหนึ่งมิติของรถในขนาด 200 ซีซี แต่สิ่งที่ประทับใจเมื่อยาวขึ้นไปโลดแล่นอยู่บนเส้นทางขึ้นเขาใหญ่ก็คือการควบคุมการขับขี่ที่ให้ความคล่องตัว ขี่สบาย กำลังเครื่องยนต์ที่ดี เกียร์ต่ำทำให้ได้ดีเยี่ยมเรียกรอบได้ในแต่ละโค้ง เครื่องยนต์อัดแน่นไปด้วยพละกำลัง การเข้าโค้งที่สนุกสนานไปในทุกจังหวะ ระบบเฟรมแบบอลูเมียมผสานกับระบบสวิงอาร์มที่ดีเยี่ยมบวกกับระบบกันสะเทือนของตัวรถทำให้ผู้ขับขี่สนุกไปกับการโลดแล่นอยู่บนโค้งต่างๆของเขาใหญ่อย่างสนุก รวมถึงการไต่ขึ้นเนินที่ BAJAJ Pulsar NS 200 FI ABS สามารถมีกำลังอัดที่ดีเยี่ยมการเติมคันเร่งขึ้นเนินไปได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ขับขี่สนุกไปกับการเดินทางครั้งสำคัญของรถจากประเทศอินเดียในครั้งนี้ จนมาถึงจุดพักที่ผาตรอมใจซึ่งอยู่บริเวณเขาเขียวจุดสูงสุดในภาคกลาง ก่อนพักชมวิวสวยๆพร้อมพูดคุยถึงสมรรถนะของรถรุ่นต่างของบาจาจ




















 
ทีมทดสอบได้ซึมซับบรรยากาศที่เย็นสบายและความสวยงามของธรรมชาติแล้ว ก็เดินทางกันต่อในคราวนี้ได้เปลี่ยนมาขี่ BAJAJ Dominar 400 รถในสไตล์เน็คเก็ตไบค์สไตล์สปอร์ต รถรูปทรงที่ดูปราดเปรียวไม่ใหญ่จนเกินไป เมื่อได้ทำความคุ้นเคยกับน้ำหนักและอัตราเร่งได้สักพัก ความสนุกในการขับขี่รถรุ่นนี้ก็เกิดขึ้น แน่นอนเครื่องยนต์ DTSI ระบบหัวฉีด แบบ Dual Overhead Camshaft โดดเด่นด้วยตัวจุดระเบิดแบบ Triple Spark Plug ขนาด 400 ซีซี 40 แรงม้า เกียร์ 6 สปีด พร้อมด้วย Slipper Clutch ทำให้ล้อไม่ล็อคในขณะเชนเกียร์ รถขนาด 400 ซีซีที่ขี่ลงเขาเขียวมาจนมาถึงปากทางลงเขาใหญ่ ด้วยระบบเฟรมแบบอลูมิเนียมทั้งสวิงอาร์มที่เป็นอลูมิเนียม ทำให้รถมีน้ำหนักที่เบาควบคุมง่ายต่อการเข้าโค้งและพลิกซ้าย-ขวา ให้การทรงตัวในโค้งที่ดี มีการยึดเกาะที่มั่นคงด้วยระบบโช้คอัพแบบโช้คหน้า Upside Down ขนาด 43 มิลลิเมตร โช้คหลังแบบ Mono Shock ระบบเบรกแบบ ABS จาก Bosch แบบ Dual Channel ดิสก์เบรกคู่ขนาด 320 มิลลิเมตร เรียกว่า เอาอยู่และสนุกในทุกโค้ง ทั้งกำลังอัดในการพุ่งทะยานสู่ทางตรงที่ดุดันรวดเร็ว ผู้ขับขี่มีความสนุกไม่เหนื่อยล้าต่อการขับขี่แต่อย่างใด รุ่นนี้มีระบบแผงหน้าปัดเป็นทคโนโลยีหน้าจอ LCD คู่ เป็นอีกหนึ่งความใหม่ที่น่าสนใจ จนมาถึงจุดแวะพักรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารคุ้งน้ำนครนายก
 
หลังรับประทานอาหารพร้อมร่วมถ่ายภาพกับผู้บริหารบริษัทวรูมแล้ว ก็ออกเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ในช่วงขากลับนี้ได้เปลี่ยนรถมาขี่น้องเล็กสุดของรุ่นก็คือ BAJAJ Pulsar NS 160 โดยเป็นรถในแนวสปอร์ตที่ขับขี่ง่าย เครื่องยนต์ DTSI ระบบหัวฉีด ขนาด 160 ซีซี ระบบสองหัวเทียน เฟรมอลูมีเนียม เกียร์ 5 สปีด ระบบดิสก์เบรกหน้าและหลัง เราแวะถ่ายภาพที่เขื่อนขุนด่านปราการชลจากนั้นก็ยิงตรงสู่กรุงเทพในทันที โดย BAJAJ Pulsar NS 160 ให้การเลี้ยวที่ควบคุมง่าย ความเร็วตอบสนองได้ดี เกียร์2-3-4-5 สามารถลากยาวได้อย่างสะใจ ท็อปสปีดทำให้ถึง 130 กม./ชม. ก่อนจะเจอฝนตกลงมาในช่วงสั้นๆที่แยกบ้านนาจากนั้นก็ลุยทางแห้งยาวๆจนมาถึงแยกคลอง 11 ท้องฟ้าที่ฉ่ำฝนก็เริ่มส่งสายฝนลงมาเริ่มหนาเม็ดขึ้นเรื่อยๆและตกหนักแบบไม่ลืมหูลืมตาแถมมีลมที่แรง แต่สำหรับการควบคุมรถ BAJAJ Pulsar NS 160 นี้ถือว่าทำได้ดีเยี่ยม รถมีความยึดเกาะถนนได้ดี ไม่มีแก่วเวลาเจอลมแรงๆ เรามุ่งหน้าสู่เมืองหนองจอกมาเจอน้ำท่วมตลอดทางแต่ BAJAJ Pulsar NS 160 ยังคงฝ่าน้ำไปได้อย่างมั่นคงและมีการยึดเกาะพื้นถนนได้ดี ทำให้ทุกความเร็วที่ขับเคลื่อนเต็มไปด้วยความมั่นใจแม้จะมีน้ำท่วมอยู่บนพื้นถนนตลอดเส้นทางโดยเฉพาะช่วงแยกการไฟฟ้ามีนบุรี หรือรามคำแหงที่แยกบางชัน เข้าสู่ถนนเสรีไทย ผ่านแยกบางกะปิ เข้าสู่ถนนลาดพร้าวที่สภาพถนนน้ำท่วมขังค่อนข้างสูงและมองไม่เห็นพื้นถนน แต่สำหรับรถ BAJAJ Pulsar NS 160 สามารถฟันฝ่าอุปสรรคช่วงสุดท้ายได้อย่างสมบูรณ์แบบ
 
สรุปการทดสอบ รถจักรยานยนต์จากประเทศอินเดีย BAJAJ เป็นรถจักรยานยนต์ที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีระดับเวิร์ลด์คลาส สมรรถนะของรถทั้ง 4 รุ่นตอบสนองได้ดีเยี่ยม จนอยากจะบอกว่า แม้รถชื่ออินเดียแต่เทคโนโลยีนั้นระดับเวิร์ลด์คลาสของแท้จริงๆ

นอกจากนี้เรายังได้ทดสอบเสื้อฮูดการ์ด Kushitani Asia Collection ที่เนื้อผ้าระบายอากาศได้ดี สวมใส่สบายตลอดเส้นทาง ทั้งให้ความมั่นใจด้วยการ์ด 5 จุด สีสันสวยงาม จะขี่ใส่รถหรือจะใส่ตอนจอดแวะในเส้นทางก็ให้ความสบาย 



















UIP : 1,159 | Page View : 2,471