​ยามาฮ่า ฟินน์ รถครอบครัวพรีเมี่ยมคู่ใจมิ้ง-ชลลดา กับอาชีพDelivery สุดประหยัดและคุ้มค่า

อีกหนึ่งอาชีพของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ที่เป็นที่นิยมในช่วงสภาวะไวรัสโควิด-19 ที่สามารถยึดเป็นอาชีพเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเลี้ยงครอบครัว กับงานส่งอาหาร ฟู๊ดเดลิเวอร์รี่ โดยมีรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวเป็นยานพาหนะที่เหมาะสมกับสายงาน ทั้งความประหยัดน้ำมัน ทั้งง่ายต่อการใช้งาน รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟินน์ เป็นอีกทางเลือกของผู้ใช้คนรุ่นใหม่ ที่มองเห็นความคุ้มค่ากับการใช้งาน “มิ้ง-ชลลดา มาเจริญ สาวเมืองอยุธยาที่เลือกยามาฮ่า ฟินน์ เป็นรถคู่ใจในสายงาน Food Panda รับส่งอาหารทั่วเมือง
 
“มิ้งค์-ชลลดา มาเจริญ ค่ะ ทำงานขี่ Food Panda มาได้ประมาณ 6 เดือนแล้ว โดยก่อนหน้านี้ทำงานบริษัท แต่มาเจอพิษ โควิด-19 เข้าพอดี และพอดีชอบขี่มอเตอร์ไซค์ด้วย ก็เลยหันมาขี่รถส่งอาหารกับฟู๊ดแพนด้า” มิ้งเล่าให้ฟังเบื้องต้นถึงที่มาที่ไปในการทำงานส่งอาหาร พร้อมเล่าให้ฟังต่อว่า “ที่ตัดสินใจไปซื้อ ยามาฮ่า ฟินน์ เพราะเห็นว่ามีความคล่องตัว การซอกแซกไปในเมือง ไปได้สะดวก เป็นรถเกียร์ ชื่นชอบรถแบบเกียร์ ประหยัดน้ำมัน แถมชอบพรีเซ็นเตอร์อย่าง “โตโน่” ด้วย แถมมีโปรโมชั่นพิเศษรับประกัน 5 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง ซึ่งมันคุ้มค่ามากๆนะคะ และยามาฮ่าก็ชอบมีโปรโมชั่นถ่ายน้ำมันเครื่องฟรี ชอบจัดกิจกรรม ชอบแจกของโน่นนี่อยู่เรื่อย และยังได้สิทธิ์ดอกเบี้ยพิเศษที่ต่ำมาก จากการทำงานส่งอาหารเดลิเวอรี่ด้วย ก็เลยตัดสินใจได้ไม่ยาก”
 














สาวมิ้ง-ชลลดานั้นปกติใช้รถสปอร์ตM-Slaz อยู่แต่พอเปลี่ยนงานจึงเลือกรถที่เหมาะกับการใช้งาน จึงตัดสินใจซื้อยามาฮ่า ฟินน์ เพิ่ม พร้อมทั้งยังได้รับโปรโมชั่นรับประกัน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ได้เล่าให้ฟังถึงการใช้งานตลอด 1 เดือนกว่าที่ผ่านมาว่า “ใช้ยามาฮ่า ฟินน์ได้ประมาณ 1 เดือน ขี่ทำงานส่งอาหารเป็นส่วนใหญ่เลย ตอนนี้ก็วิ่งไปแล้วเกือบ 5,000 กม. รู้สึกว่าการทำงานมันคล่องตัวกว่าเดิมเยอะ...ในแต่ละวันก็จะเริ่มงานประมาณ 7 โมงเช้า จนถึงประมาณ หนึ่งทุ่ม วันนึงก็ทำงานระยะทาง 200-250 กม. บางทีถ้างานเข้าเยอะๆ ก็มีถึง 300 กม. ซึ่งก็วิ่งส่งรอบเกาะเมืองอยุธยา โดยจะเติมน้ำมันวันละ 1 ถัง ประมาณ 60 บาท ซึ่งประหยัดน้ำมันกว่าเดิมเยอะเลย รายได้ต่อวันจะอยู่ที่ประมาณ 700-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าออเดอร์มันจะเด้งเข้ามามากน้อยแค่ไหน ยิ่งวันเสาร์-อาทิตย์ งานจะเข้าเยอะมากจ้า”
 
หลังจากใช้งานมาหนึ่งเดือนกว่าๆแล้ว สาวมิ้ง-ชลลดา ได้บอกถึงความประทับใจในการขี่ยามาฮ่า ฟินน์ “กำลังเครื่องยนต์มันบิดได้ตามมือเลย ไม่รู้สึกว่ามันอืด แม้จะออกตัวในช่วงเกียร์ 2 เกียร์ 3 ก็ยังออกตัวไหวอยู่นะ การออกตัวก็นุ่มนวล ไม่กระชาก ซึ่งปกติก็จะขี่ความเร็วประมาณ 60 ก็ไปได้แบบชิลล์ๆ สบายๆ การเข้าเกียร์ก็นุ่มมากเลยจ้า สับเกียร์ง่าย จนบางทีแถมไม่รู้เลยว่าเปลี่ยนเกียร์ไปแล้ว ตอนถอนเกียร์มันก็นุ่มไม่มีกระตุกเลยเหมือนยี่ห้ออื่นนะ แล้วก็ชอบเรื่องเบรกมาก คันนี้เป็นตัวท๊อปที่มีเบรก UBS มันเบรกได้ดีมากเลยจ้า ไม่ว่าเราจะเบรกทั่วไปหรือตกใจเบรก มันก็เบรกได้นุ่มมากเลย เบรกแล้วรถไม่ส่ายไม่เป๋เลยหัวไม่ทิ่มเหมือนยี่ห้ออื่น ยิ่งในช่วงน่าฝนหรือการเบรคในน้ำก็ทำให้รู้สึกมั่นใจมากๆ เลย แม้จะเหยียบเบรคหลังอย่างเดียวแต่ก็สามารถชะลอหรือหยุดได้อย่างนุ่มนวล รถไม่ไถล ทำให้ทรงตัวได้ดี เคยขี่รุ่นอื่นแล้วเบรกมันรู้สึกรถจะแฉลบๆลื่นๆ”














 
ทางด้านฟีเจอร์อื่นๆ สาวมิ้ง-ชลลดา ดูจะชอบกล่องเก็บของหน้ารถและสวิทช์กุญแจ ซึ่งเธอเล่าให้ฟังว่า “ยามาฮ่า ฟินน์ นี่ชอบทุกส่วนเลย ไม่ว่าจะเป็นกุญแจทำได้ทุกอย่างในจุดเดียวกัน ทั้งสตาร์ทรถ ล็อคคอ หรือเปิดเบาะที่เปิดง่าย แล้วก็ช่องเก็บของด้านหน้าที่เก็บของเก็บขวดน้ำได้ และของอื่นๆทำให้หยิบสะดวก อย่างเวลาเข้าหมู่บ้านที่ต้องแลกบัตรก็หยิบบัตรจากช่องนี้เก็บบัตรที่ช่องนี้ได้อย่างสะดวก ที่เก็บของใต้เบาะก็ใหญ่สามารถเก็บชุดกันฝนรองเท้าสำรองไว้ได้สบายๆ เก็บของได้เยอะอยู่เหมือนกัน”
 
ช่วงขับขี่ยามาฮ่า ฟินน์ ที่จะต้องมีกล่องFood Panna ด้านหลัง สาวมิ้ง-ชลลดา บอกว่า “เวลาบรรทุกอาหารนี่โช้คอัพนุ่มมาก เวลาขี่เจอเนินไม่ต้องกลัวว่าอาหารหรือน้ำที่ลูกค้าสั่งมาจะหกเลย การรับการสั่นสะเทือนมันทำได้ดี การขับขี่ส่งอาหารในช่วงกลางคืนไฟหน้าก็สว่าง ทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน หน้าปัดก็มองเห็นได้ชัดเจนดีทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน สิ่งที่ประทับในยามาฮ่า ฟินน์ ตลอด 1 เดือนที่ใช้ทำงานมาคือ ประหยัดน้ำมัน คล่องตัว ขี่สบาย เครื่องยนต์ก็มีความแรงในระดับที่เพียงพอกับการใช้งาน ขับขี่ไกลได้เครื่องยนต์ก็ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ รู้สึกว่ามันทนดี นอกจากจะใช้ขี่ทำงานแล้ว ยังใช้ขี่ไปตลาด ไปเที่ยวไปไหว้เพราะกับครอบครัว ก็ใช้ในชีวิตประจำวันด้วย”

ก่อนจบการพูดคุยมีออเดอร์เริ่มไหลเข้ามา สาวมิ้ง-ชลลดา ได้กล่าวปิดท้ายก่อนไปทำงานไว้ว่า “อยากฝากถึงเพื่อนๆ ที่ขับขี่ส่งอาหารเดลิเวอรี่ ก็อยากให้มาลองใช้ ยามาฮ่า ฟินน์ เพราะประหยัดดี เครื่องยนต์ไม่ร้อนและก็มีกำลังที่จะสามารถขี่ไปส่งอาหารให้ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วทันเวลา ระบบรองรับการสั่นสะเทือนก็ดีไม่ทำให้อาหารหกเสียหาย ราคาก็ไม่แพงสำหรับการซื้อมาใช้ทำงาน แถมมีรับประกันทั้งคัน 5 ปี ซึ่งคุ้มค่ามากและเหมาะกับการใช้ขี่ทำงานประเภทนี้ เพราะเราจะใช้รถทำงานหนักทุกวัน แต่ยามาฮ่ามีการรับประกันที่ดีทำให้เรามั่นใจได้มากขึ้น ถูกใจมากค่ะ” จากนั้น สาวมิ้ง- ชลลดา มาเจริญ ก็ขอตัวไปรับออเดอร์อาหารเพื่อส่งความอร่อยถึงลูกค้า โดยที่เราขอติดตามถ่ายภาพการทำงานของเธอมาฝากแฟนๆผู้อ่านได้ชมกัน















UIP : 1,134 | Page View : 1,864