​FINN 2in1 จะวินก็ได้...จะส่งของก็ดี ประสบการณ์การขับขี่ยามาฮ่า ฟินน์ ของคุณณรงค์ ชัยปราโมทย์

อีกหนึ่งอาชีพที่เป็นที่นิยมของผู้ใช้รถจักรยานยนต์นั้นก็คือ อาชีพ วินมอเตอร์ไซค์ แต่ที่เหนือกว่านั้นก็คือ การทำงานแบบ Delivery รับส่งของด้วย ก็เป็นอีกงานหนึ่งที่ผู้ใช้รถจักรยานยนต์สามารถทำได้ควบคู่กันไป ซึ่งในครั้งนี้เราได้พบกับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟินน์ รถครอบครัวพรีเมียมยุคใหม่ ขนาด 115 ซีซี 4 จังหวะที่มีดีไซน์ทันสมัย และกำลังเป็นที่ต้องการของผู้ใช้รถจักรยานยนต์มากขึ้น ซึ่งในครั้งนี้เราได้รับเกียรติจาก คุณณรงค์ ชัยปราโมทย์ ที่ทำงานในอาชีพวินมอเตอร์ไซค์และรับส่งของได้มาเล่าเรื่องราวการขับขี่ยามาฮ่า ฟินน์ ให้ทราบกัน
 
“ผมทำงานเป็นวินมอเตอร์ไซค์และส่งของ อายุ 36 ปี ขับขี่วินมา 15 ปีก่อนหน้านี้ก็ทำงานประจำเป็นพนักงานบริษัท ช่วงหลังนอกจากขี่วินแล้วก็จะรับงานส่งของDerivery โดยใช้รถยามาฮ่าฟินน์ คันนี้มา 3 ปีแล้ว ก็ซื้อมาตั้งแต่เปิดตัวช่วงแรกๆครับ” ณรงค์ เล่าเกริ่นให้ทีมงานเราฟัง

















ทั้งนี้ “ณรงค์”ได้บอกสาเหตุของการเลือกยามาฮ่า ฟินน์ ว่า “ที่เลือกฟินน์เพราะ รูปทรงของยามาฮ่า ฟินน์ ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัย มีความคล่องตัว ดูแลรักษาง่าย เป็นรถที่มีความคล่องตัว อีกทั้ง ฟินน์ ก็ยังเติมน้ำมันได้หลากหลายทั้งแก๊สโซฮอล์ 95 ไปจนถึง E85 เลย” ซึ่งโดยส่วนตัวของ “ณรงค์”นั้นที่บ้านมีรถอยู่ด้วยกันถึง 4 คัน ทั้งเล่าให้ฟังต่อว่า “ปกติแต่ละวันจะใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์95 จะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงเกรดสูงของสองค่ายน้ำมัน นานครั้งจะใช้E20 และ E85 ในแต่ละวันก็จะขี่รถอยู่ประมาณ 300-350 กิโลเมตร...ตั้งแต่ซื้อยามาฮ่าฟินน์มาก็ไม่มีปัญหาจุกจิก ผมทำงานสายอาชีพนี้จึงต้องดูแลใส่ใจในรถแต่ละคันครับ”
 
ชีวิตแต่ละวันเมื่ออยู่บนท้องถนน “ณรงค์” ได้กล่าวว่า “ปกติในแต่ละวันก็จะเติมน้ำมันอยู่ประมาณถังครึ่งถึงสองถังต่อวันกับระยะทาง 300-350 กม. รายได้ต่อวันก็ประมาณ 2,500-3,800 บาท และเมื่อหักรายได้จากค่ายน้ำมันจะเหลือเก็บมากกว่า 90 %  ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นก็ถือว่าคุ้มกว่ามากและดูแลรักษาง่าย ในส่วนของกำลังเครื่องยนต์ ฟินน์ ผมว่าเขาออกตัวพุ่งแรงดีเมื่อเทียบกับค่าน้ำมันที่จ่ายไปถือว่าประหยัดกว่า”










 






ทั้งยังบอกเล่าถึงจุดเด่นของยามาฮ่า ฟินน์ อีกว่า “ข้อดีของยามาฮ่า ฟินน์ที่ผมเห็นว่ามันต่างจากรถครอบครัวยี่ห้ออื่นก็คือกล่องเก็บของใต้เบาะที่มีขนาดใหญ่กว่ารถในซีซี110 และอีกตัวนึงที่ไม่มีใครเหมือนก็คือ กล่องเก็บด้านหน้าที่ใส่ขวดน้ำดื่มได้ และสวิทช์กุญแจ ซึ่งถ้าเป็นรถรุ่นอื่นเราจะต้องดึงกุญแจออกมาเปิดตรงเบาะแต่ตัวนี้สวิทช์กุญแจแบบมัลติฟังชั่นอยู่ในจุดเดียวกันคือทั้งสตาร์ทรถ เปิดเบาะ ล็อคคอในจุดเดียว”
 
จากวันแรกที่ใช้ฟินน์ มาจนถึงวันนี้ร่วม 3  ปี “ณรงค์”บอกกับทีมงานว่า “ตอนนี้ใช้ยามาฮ่า ฟินน์ เกือบ 3 ปี เลขไมล์อยู่ที่ 49,000 กว่ากิโล อีก 200 โลก็ถึงห้าหมื่นแล้ว ถ้าเทียบกับรถครอบครัวต่างยี่ห้อที่ผมเคยจับเคยลอง แค่สองเดือนแรกก็จะมีอาการก๊อบแก๊บ แต่สำหรับฟินน์ไม่มีปัญหาเลยครับ ในความรู้สึกผมนับตั้งแต่ใช้ยามาฮ่า ฟินน์มาถือว่าคุ้มค่ามากครับ ใช้งานได้หลากหลาย มีความประหยัดน้ำมัน เติมน้ำมันได้หลากหลาย ทั้งยังมีความคล่องตัวในการรับส่งผู้โดยสารหรือรับส่งของรวมถึงวิ่งไปในพื้นที่ที่การจราจรติดขัด ด้วยโครงสร้างของตัวรถ ด้วยระยะแฮนด์ที่สูงกว่ารถรุ่นอื่น เราสามารถคอนโทรลรถในช่วงเวลาเราซิกแซกได้ง่าย”
 
ทั้งหมดเป็นความรู้สึกของ “คุณณรงค์ ชัยปราโมทย์” หนึ่งนักบิดที่ยึดสองอาชีพทำงานอยู่บนท้องถนนที่ได้เล่าประสบการณ์การใช้งานยามาฮ่า ฟินน์ มาให้ท่านผู้อ่านได้ทราบกัน...ยามาฮ่า ฟินน์ รถครอบครัวที่คุ้มที่สุดในยุคนี้

















UIP : 627 | Page View : 725