ทริปยามาฮ่า ฟินน์ ทั่วไทย ใช้น้ำมันถังเดียว โดยในครั้งนี้เราได้พิกัดในการขับขี่ท่องเที่ยวไปกับรถครอบครัวสไตล์พรีเมียมกันภาคเหนือโดยไปกันที่จังหวัดพะเยา ชมถิ่นชาวไทลื้อที่เชียงคำ แวะสักการะวัดนันตารามชมโบสถ์ไม้สักทองที่สวยงามง วัดพระนั่งดิน แวะชิมอาหารพื้นเมืองที่ร้านลาบโมโยลื้อ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อป้ากาบ สองร้านดังที่เชียงคำ พร้อมไปจิบกาแฟชมวิวพันล้านที่ภูลังกา ผ่านเส้นทางที่หลากหลายทั้งพื้นราบและขึ้นเขาลงเขารวมถึงโค้งที่หลากหลาย รวมระยะทางไป-กลับ 255 กม. เติมน้ำมันเพียง 97.6 บาท มีอัตราการใช้น้ำมัน 73.15 กิโลเมตรต่อลิตร
 
ทริปยามาฮ่า ฟินน์ ขี่เที่ยวทั่วไทยใช้น้ำมันถังเดียว ที่ได้เดินทางท่องเที่ยวกันมาหลายจังหวัดแล้วไม่ว่าจะเป็นจังหวัดตรัง, เชียงใหม่, เพชรบุรี, ระนอง, สุรินทร์, นครพนม และล่าสุดในจังหวัด พะเยา ซึ่งจะเป็น 1 ใน 8 จังหวัดที่สื่อมวลชนสายรถจักรยานยนต์ทั้งสายแม็กกาซีนและออนไลน์ พร้อมลูกค้าในพื้นที่ขับขี่ยามาฮ่า ฟินน์ท่องเที่ยวรอบเมืองที่เราไปเยือน โดยล่าสุดที่จังหวัดพะเยา หลังจากเข้าไปรับรถยามาฮ่า ฟินน์ ที่ร้านยามาฮ่าสินธานี ในตัวเมืองจังหวัดพะเยา พร้อมพูดคุยกับลูกค้าที่จะมาร่วมทริปการขับขี่ในครั้งนี้แล้ว การเดินทางก็เริ่มขึ้น โดยได้รับเกียรติจากคุณพลชัย เครือวงค์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดรถจักรยานยนต์บริษัท เชียงรายสินธานี จำกัด พร้อมด้วยคุณกอบศักดิ์ แก้วศรีทอง ผู้จัดการอาวุโสขาย-ภาคเหนือ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้มาร่วมพิธีตีธงปล่อยตัวการขับขี่ยามาฮ่า ฟินน์ เที่ยวทั่วไทย ใช้น้ำมันถังเดียวที่จังหวัดพะเยา โดยนำรถเข้าไปเติมน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 91 จนเต็มถังทุกคันแล้ว เริ่มทริปขอเราด้วยการขับขี่เที่ยวรอบเมืองพะเยาไปตามตรอกซอกซอยต่างๆเพื่อเก็บภาพมุมสวยๆในตัวเมืองทั้งเป็นการสร้างคุ้นเคยกับตัวรถทั้งการเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาการใช้เกียร์การคันเร่ง หลังจากได้ภาพสวยๆแล้วขบวนยามาฮ่า ฟินน์ทั้ง 8 คันออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังอำเภอเชียงคำ  อยู่ห่างออกจากจากตัวเมืองประมาณ 73 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางพื้นถนนค่อนข้างราบเรียบจะมีบางช่วงมีพื้นถนนขรุขระ แต่ด้วยระบบกันสะเทือนหน้าและกันสะเทือนหลังที่สามารถซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี ทำให้เราขับขี่ได้อย่างสบายๆ





















ในวันเดินทางสภาพอากาศค่อนข้างร้อน แต่กับเครื่องยนต์ของยามาฮ่า ฟินน์ ที่เป็นเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 115 ซีซี ระบบสั่งจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดที่สามารถตอบสนองความเร็วได้ดีอย่างต่อเนื่องกันจนมาถึงตัวเมืองเชียงคำ เราแวะไปที่ศูนย์วัฒนธรรมไทลื้อ(วัดหย่วน) ซึ่งเราได้พบกับการต้อนรับของชาวศูนย์ด้วยเครื่องแต่งกายพื้นเมืองของชาวไทลื้อ ทั้งยังร่วมชมการทอผ้าและศิลปหัตถกรรมของชาวศูนย์ ซึ่งเราได้อุดหนุนผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญามาเป็นที่ระลึกด้วย จากนั้นก็เดินทางไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านลาบโมโยลื้อ ชิมอาหารพื้นเมืองของชาวไทลื้อซึ่งเป็นร้านอาหารชื่อดังของเมืองเชียงคำ หลังอร่อยกับอาหารรสเด็ดแล้วก็ขับขี่ยามาฮ่า ฟินน์ ไปที่วัดนันตาราม เพื่อสักการะพระพุทธรูปปางมารวิชัย แกะสลักจากไม้สักทองลงรักปิดทองทรงเครื่องแบบไทยใหญ่ ประดิษฐานบนฐานไม้ที่ฉลุลวดลายอย่างสวยงาม บนวิหารไม้สักทองศิลปะแบบไทยใหญ่เช่นกัน นอกจากนี้ภายในยังมีพิพิธภัณฑ์ธนบัตรเก่า เครื่องใช้โบราณ ผ้าลายโบราณและภาพวาดโบราณที่สวยงามยิ่งนัก



















เราออกจากวัดนันตารามเดินทางสู่ภูลังกา ซึ่งเส้นทางเป็นทางขึ้นเขาลงเขา มีเนินขึ้นเขายาวๆและลงเขายาวๆพร้อมโค้งหลากหลายให้ผู้ขับขี่ยามาฮ่า ฟินน์ ได้สนุกสนานไปในเส้นทาง ซึ่งระบบช่วงล่างที่ดีสวิงอาร์มเหลี่ยมที่ออกแบบมาเป็นอย่างดีกับโช้คอัพหลังคู่ บวกกับยางหน้าขนาด 70/90-17 และยางหลังขนาด 80/90-17 ทำให้การโลดแล่นในโค้งต่างๆเป็นไปได้อย่างสนุก ผสานกับแรงบิดที่ยอดเยี่ยมที่สามารถไต่ทางลาดชันตอนขึ้นไปที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่าได้อย่างสบายๆทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกFINN ไปในทุกเส้นทาง และเมื่อออกจากโครงการหลวงปังค่าก็มุ่งหน้าสู่ภูลังการีสอร์ทรวมระยะทางในช่วงบ่ายประมาณ 57 กิโลเมตร รวมระยะทางของวันแรกอยู่ที่ 130 กม. เมื่อมาดูเข็มน้ำมันปรากฏว่า เข็มตกลงมาไม่ถึงครึ่ง ด้านหน้ารีสอร์ทมีร้านกาแฟ Magic Mountain เรามานั่งจิบกาแฟชมวิวในช่วงเวลาประมาณบ่ายสี่โมง พร้อมชมวิวระดับพันล้านที่สวยงามอย่างมาก หลังนั่งชมบรรยากาศที่สวยงามพร้อมพูดคุยเรื่องราวการเดินทางตลอดทั้งวันก็ถึงเวลาเข้าสู่ที่พักที่ภูลังการีสอร์ท หลังจากแยกย้ายเก็บกระเป๋าสัมภาระและพักผ่อน ช่วงค่ำก็มานั่งรับประทานอาหารท่ามกลางหมู่ดาวนับล้านดวงที่เจิดจรัสอยู่บนท้องฟ้า และค่ำคืนนี้เราพายามาฮ่า ฟินน์ มาดูทางช้างเผือกที่ขึ้นสู่ท้องฟ้าราวๆสองทุ่มกว่าๆ หลังจากซึมซับบรรยากาศกันพอสมควรแล้วก็ถึงเวลาพักผ่อนอยู่ในอ้อมกอดของธรรมชาติ