​ยามาฮ่าฟินน์ทั่วไทย ใช้น้ำมันถังเดียว @เชียงใหม่ พาฟินน์ขึ้นเขาสะเมิง และเที่ยวเชียงใหม่ในแบบที่ต่างจากที่เคยรู้จัก!!!

สานต่อความฟินน์กันอย่างกับ "ยามาฮ่าฟินน์ทั่วไทยใช้น้ำมันถังเดียว" โดยคราวนี้ไปฟินน์กันที่ จ.เชียงใหม่...เจ้า!!! โดยทริปที่เชียงใหม่นี้มีลูกค้ายามาฮ่า ฟินน์ มาร่วมขับขี่ด้วย 3 คน ซึ่งก็ยังไม่เคยขี่ฟินน์เที่ยวไปตามเส้นทางที่วางไว้ในทริปนี้เลย...
 
สำหรับทริปนี้ ขบวนความฟินน์เริ่มต้นกันที่ดีลเลอร์ยามาฮ่า ร้านเจริญมอเตอร์ ที่อยู่ใกล้กับ “พระบรมราชานุสาวรีย์ สามกษัตริย์” ทำให้คณะผู้ขับขี่ได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืิองเชียงใหม่เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนออกเดินทาง จากนั้นจึงเคลื่อนขบวนความฟินน์ลัดเลาะการจราจรในเมืองเชียงใหม่ไปแบบชิลล์ๆ เพื่อไปร่วมมอบบริจาคเงินให้กับ สถานสงเคราะห์เด็กบ้านเวียงพิงค์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เนื่องในวันมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
 




















แล้วขบวน ยามาฮ่า ฟินน์ จึงออกเดินทางต่อมุ่งหน้าออกทาง อ.แม่ริม ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางขึ้น เพื่อไปยัง Canopy Walkway ทางเดินที่อยู่เหนือยอดไม้บนความสูงกว่า 20 เมตร ที่อยู่ในสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ โดยเส้นทางช่วงจากแยก อ.แม่ริม มาถึงทางเดินเหนือยอดไม้นี้ เป็นทางขึ้นเขาเบาๆ ค่อยๆ ไต่ระดับความชันไปเรื่อยๆ ถือเป็นการวอร์มเครื่องกันก่อน ซึ่งกำลังเครื่องยนต์ขนาด 115 ซีซี. ของยามาฮ่า ฟินน์ สามารถพาพวกเราไต่ความสูงชันไปได้อย่างสบายๆ แม้จะขึ้นเขาด้วยเกียร์ 3-4 ก็ตาม เรียกว่า "พลังเหลือ" จริงๆ หลังจากฟินน์กับธรรมชาติกันจนเต็มที่แล้ว ขบวนการฟินน์ก็ไปรับทานอาหารกลางวันกันที่ ร้านอาหารโป่งแยง แอ่งดอย ที่ตั้งอยู่ใต้ร่มไม้และติดริมธารน้ำ ทำให้คณะเราฟินน์กับมื้อกลางวันกันเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะไปมันส์กันต่อบนเส้นทางขึ้นเขาที่สะเมิง...

หลังจากที่ขบวนการฟินน์ได้ทำการวอร์มอัพกันไปในช่วงเช้าและพักรับประทานอาหารกลางวันกันเรียบร้อยแล้ว...ก็ได้เริ่มต้นความฟินน์กันแบบมันส์ๆ ต่อในช่วงบ่าย โดยจุดหมายต่อไปคือ จุดชมวิวสะเมิง ซึ่งแม้จะอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ประมาณ 12 กม. แต่เส้นทางนั้นต้องบอกว่าอัดแน่นไปด้วยทางโค้งขึ้นเขาที่เริ่มจะสูงและชัน ถือว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับรถครอบครัวที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในเมืองเป็นหลัก ซึ่งแม้แต่ลูกค้าฟินน์ที่ร่วมทริปนี้ยังมีแอบบระแวงอยู่ว่าจะขึ้นไหวไหม!!! แต่พอขบวนยามาฮ่า ฟินน์ เริ่มลัดเลาะโค้งซ้ายขวาที่ลับกันไปพร้อมกับไต่ระดับความสูงชันขึ้นไปเรื่อยๆ ความวิตกกังวลที่เคยมีก็จางหายไปแปรเปลี่ยนเป็นความสนุกและความมันส์ที่เข้ามาแทน เพราะนอกจากกำลังจากเครื่องยนต์ที่สามารถดันขึ้นเขาได้อย่างสบายๆ แบบที่ยังมีกำลังเหลืออยู่ในมือแล้ว ช่วงล่างยังให้การตอบสนองได้เป็นอย่างดี สามารถยึดเกาะพื้นถนนได้อย่างหนึบแน่นทำให้พลิกรถเข้าโค้งสลับซ้ายขวาได้อย่างคล่องตัวและเต็มไปด้วยความมั่นใจ ทำให้ทั้งสื่อมวลชนและลูกค้าที่ร่วมทริปต่างรู้สึกทึ่งกับยามาฮ่า ฟินน์ เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเมื่อถึงจุดชมวิวสะเมิงพวกเรานอกจากจะนั่งชมวิว ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันแล้ว ยังนั่งพูดคุยถึงสมรรถนะของยามาฮ่า ฟินน์ ด้วยความตื่นเต้นกันอีกด้วย และเมื่อสมควรแก่เวลา ขบวนการฟินน์ ก็เดินทางกันต่อ โดยมีจุดหมายต่อไปอยู่ที่ แกรนด์แคนยอน ที่อยู่ห่างจากจุดชมวิวสะเมิงไปประมาณ 41 กม. ซึ่งแน่นอนว่าเกือบ 80% ของเส้นทางยังคงอยู่บนเขาที่ยังมีระดับความสูงชันและเต็มไปด้วยโค้งหลายหลากรูปแบบ แต่ก็ไม่ได้สร้างความกังวลให้กับพวกเราแม้แต่น้อย เพราะทุกคนต่างมั่นใจในสมรรถนะของ ยามาฮ่า ฟินน์ กันแล้วว่าจะสามารถพาพวกเราเดินทางไปได้อย่างสนุกและปลอดภัยอย่างแน่นอน ทำให้การเดินทางในช่วงนี้ขบวนการฟินน์เดินทางกันด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ซึ่งนอกจากจะเพลิดเพลินกับทิวทัศน์บนเขาแล้ว ยังตื่นเต้นเร้าใจไปกับการขับขี่ฟินน์อีกด้วย
 




















โดยช่วงนี้มีไฮไลท์อยู่แถวๆ ที่ชาวบ้านเรียกว่า โค้ง 7 พับ ซึ่งเป็นทางโค้งหักศอกขึ้นทางชันแบบต่อเนื่อง เรียกได้ว่าเป็นโค้งปราบเซียนเลยทีเดียว ถ้ากำลังเครื่องยนต์ไม่ถึง แรงไม่ได้ จังหวะการเลี้ยวเข้าโค้งไม่แม่นยำแล้ว โอกาสที่จะพลาดรถดับหรือไม่มีแรงขึ้นเขาเอาได้ง่ายๆ แต่ยามาฮ่า ฟินน์ สามารถผ่านโค้งนี้ไปได้แบบฟินน์ๆ ด้วยการใช้เพียงเกียร์ 2 เท่านั้น ไม่ต้องลงไปถึงเกียร์ 1 เพื่อเรียกแรงบิด ซึ่งการขับขี่บนเขานี้นอกจากจะทำให้เราสามารถสัมผัสได้ถึงกำลังเครื่องยนต์ที่ดีแล้ว ยังทำให้รู้ว่าจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลงของยามาฮ่า ฟินน์ นั้นมีความนุ่มนวลเป็นอย่างมาก เพราะตลอดเส้นทางบนเขาเราต้องเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลงอยู่บ่อยครั้ง เพื่อให้กำลังเครื่องยนต์เหมาะสมกับโค้งและความสูงชันในระดับที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งระบบเกียร์ของฟินน์นี้ทำให้เรารู้สึกฟินน์ในการขับขี่มากยิ่งขึ้นทีเดียว และด้วยระยะเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ขบวนการฟินน์ก็เดินทางมาถึง แกรนด์แคนยอน ที่ตื่นตาตื่นใจกับคันดินสูงเกือบ 15 เมตร ที่เจ้าของได้ขุดหน้าดินไปขาย เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว จนเวลาล่วงเลยกลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ มีสีเขียวใสเหมือนสีของมรกตล้อมรอบหน้าผาสูงใหญ่ ซึ่งพวกเราชาวฟินน์ต่างเดินชมและถ่ายภาพกับความอัศจรรย์ของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเชียงใหม่กันอย่างสนุกสนาน รวมถึงการนำยามาฮ่า ฟินน์ มาเข้าฉากเพื่อเก็บภาพความประทับใจกับสถานที่และพวกเราชาวฟินน์ไปพร้อมๆ กันด้วย

พวกเราฟินน์กันที่ แกรนด์แคนยอน จนถึงช่วงเวลาประมาณเกือบๆ 6 โมงเย็น จึงได้เคลื่อนขบวนออกเพื่อไปรับประทานอาหารเย็นที่ ร้านสำรับกับข้าว ที่อยู่ติดริมน้ำปิงในตัวเมืองใกล้ๆ กับ สะพานขัวเหล็ก ซึ่งมีระยะทางการเดินทางประมาณ 19 กม. ซึ่งขบวนการฟินน์ก็ขับขี่กันแบบสบายๆ ลัดเลาะไปตามถนนซอกซอย 2 เลนสวนกัน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ ยามาฮ่า ฟินน์ เพราะด้วยกำลังเครื่องยนต์ที่มีให้เรียกใช้งานอย่างเพียงพอกับความคล่องตัวของรถ ทำให้เราสามารถซอกแซกผ่านการจราจรในเมืองช่วงยามเย็นไปถึงจุดหมายและรับประทานอาหารเย็นกันได้แบบฟินน์ๆ  จากนั้นเราก็ปิดทริปในวันนี้กันด้วยการถ่ายภาพกับ สะพานขัวเหล็ก ในช่วงหัวค่ำที่มีแสงไฟหลากสีสัน ถือเป็นแลนด์มาร์คอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวน่ามาเช็คอินเมื่อมาเที่ยวเชียงใหม่ ซึ่งเราใช้เวลาถ่ายภาพสนุกๆกับสะพานเหล็กกันอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะเดินทางกลับที่พัก โดยระยะทางรวมของการเดินทางในวันแรกนี้อยู่ที่ 127.7 กม. เส้นทางส่วนใหญ่ที่ ยามาฮ่า ฟินน์ เคลื่อนตัวผ่านนั้นเป็นเส้นทางบนเขาประมาณ 80% ซึ่งนอกจากเครื่องยนต์จะมีกำลังในการไต่เขาแบบเหลือๆ ช่วงล่างก็หนึบแน่นในทุกจังหวะการเข้าโค้งแล้ว อัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน เพราะเมื่อมองดูที่หน้าปัดเรือนไมล์ เกจ์ลดลงมาอยู่ที่ประมาณครึ่งนึงเท่านั้นเอง...



















UIP : 785 | Page View : 815