​ฟินน์ เที่ยวทั่วไทย ใช้น้ำมันถังเดียว @ตรัง-กันตัง รวมระยะทาง 188 กม. เติมน้ำมันเพียง 90 บาท

รุ่งเช้าวันอาทิตย์ สื่อมวลชนและลูกค้ายามาฮ่าเดินทางกันต่อ กับการเริ่มออกสตาร์ทกันที่ที่พักสิริตรังบูติค มุ่งหน้าสู่เมืองกันตัง ยามาฮ่า ฟินน์ ถูกสตาร์ทขึ้นอีกครั้งด้วยระบบสตาร์ทไฟฟ้าที่เพียงสัมผัสและกดปุ่มเท่านั้นเครื่องยนต์ก็ติดขึ้นอย่างรวดเร็ว เราออกเดินทางกันท่ามกลางอากาศที่มีเมฆค่อนข้างเยอะทำให้การขับขี่ค่อนข้างจะเย็นสบาย ความเร็วในการเดินทางประมาณ 60-80 กม./ชม. ระบบเกียร์สอดรับทุกย่านความเร็วดีเยี่ยม ระบบเกียร์นุ่มนวล ช่วงติดสัญญาณไฟจราจรเราสามารถเปลี่ยนเกียร์จากเกียร์ 4 มาเป็นเกียร์ว่างด้วยการกดคันเกียร์ไปข้างหน้าเพียงครั้งเดียว ก็เข้าสู่เกียร์ว่างได้อย่างสบาย รถคันนี้มีไฟตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์ที่หน้าปัดเรือนไมล์ด้วยและสามารถมองเห็นในทุกมิติของย่านความเร็ว ด้วยระยะทางราวๆ 15 กม.เพื่อมุ่งสู่ศาลหลักเมืองตรัง ยามาฮ่า ฟินน์ ระหว่างทางแวะถ่ายภาพที่สี่แยกควนธานีจะมีสวนประติมากรรมตรังซึ่งมีรูปปั้นจำลองสถานีรถไฟกันตัง ขบวนรถไฟ นายสถานีและพ่อค้าแม่ขายที่บริเวณสถานี หลังจากถ่ายภาพกันเรียบร้อย ก็มุ่งหน้าเดินทางกันต่อสู่ศาลหลักเมืองจังหวัดตรัง ตั้งที่อยู่ถนนสายเก่ากันตัง ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัดตรังมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2354 ก่อนที่จะมีการบูรณะซ่อมแซมให้สวยงามเมื่อปีพ.ศ. 2535 จนถึงปัจจุบัน
 












จากนั้นสื่อมวลชนและลูกค้าก็ขับขี่ยามาฮ่า ฟินน์ เดินทางกันต่อเพื่อมุ่งหน้าสู่อำเภอกันตัง เส้นทางการขับขี่ค่อนข้างสวยงาม ด้วยสมรรถนะของยามาฮ่า ฟินน์ รถครอบครัวดีไซน์ใหม่คันนี้สามารถพาผู้ขับขี่เดินทางข้ามอำเภอไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆได้อย่างสบายด้วยความเร็ว 60-80  กม.ชม. สภาพถนนเป็นถนนปูราดด้วยซีเมนท์ ไหล่ทางปูด้วยพื้นยางมะตอย เราลองเลือกขับขี่ในพื้นซีเมนท์เพื่อที่จะได้ลองซึมซับแรงสั่นสะเทือนของพื้นถนนที่ระบบการสั่งสะเทือนหน้าและโช้คอัพคู่หลังสามารถซับแรงสั่นสะเทือนของพื้นถนนได้ดี ทำให้การขับขี่นุ่มนวล ในส่วนของพื้นที่ราดด้วยยางมะตอย แน่นอนระบบการรองรับการสั่นสะเทือนทำงานไม่มากนักเพราะพื้นถนนจะราบเรียบกว่า แต่ในด้านการทรงตัวบนถนนไม่แตกต่างกันนัก สภาพถนนเมื่อใกล้ถึงเมืองกันตันจะเป็นเนินขึ้นเขาเล็กๆบวกสะพานข้ามแม่น้ำ รถยามาฮ่าฟินน์มีอัตราเร่งที่ดีเราอาจจะเดินคันเร่งมากขึ้นเพื่อรักษาความเร็ว แต่ก็เป็นไปแบบฟินน์ๆในเส้นทางที่สวยงามนี้ เรามาถึงสถานีรถไฟกันตังอย่างรวดเร็ว นำรถไปจอดถ่ายรูปในมุมสวยๆของสถานีรถไฟในจุดต่างๆ ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทางรถไฟเป็นอย่างสูงที่อนุญาตให้เรานำรถเข้าไปถ่ายภาพบริเวณชานชลาและในสถานี











 
สถานีรถไฟจุดสุดท้ายของทางรถไฟฝั่งอันดามัน ตัวสถานีรถไฟกันตัง เป็นอาคารไม้ชั้นเดียวทรงปั้นหยา ทาสีเหลืองมัสตาร์ดสลับน้ำตาล ตัวอาคารแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนตัวอาคารและชานชาลา ด้านหน้าของอาคารมีมุขยื่น มีการตกแต่งประดับมุมเสาด้วยลวดลายไม้ฉลุคงเอกลักษณ์เดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากรแล้ว ส่วนตัวอาคารที่ทำเป็นห้องมีผนังไม้ตีตามตั้งโชว์แนวเคร่า พร้อมช่องลมระแนงไม้ตีทแยง บานประตูหน้าต่างไม้แบบเก่า ส่วนที่เป็นโถงมีรั้วลูกกรงไม้พร้อมบานประตูขนาดเล็กกั้นพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน ส่วนด้านหลังอาคารเป็นชานชาลามีหลังคาจั่วคลุมแยกต่างหากโดยเสารับหลังคาชานชาลานี้มีค้ำยันไม้ฉลุตกแต่งให้กลมกลืนกับตัวอาคาร ภายในสถานีคงรักษาเอกลักษณ์แบบเดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ไว้ได้เป็นอย่างดี เป็นผลทำให้ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของจังหวัดตรัง โดยกรมศิลปากร ตั้งแต่ พ.ศ. 2539 นอกจากนี้ในตัวสถานียังมีห้องที่เก็บรวมรวบประวัติเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ผู้คนที่มาเยือนสถานีรถไฟแห่งนี้ได้ทราบกัน หลังจากเก็บภาพมุมสวยๆกันแล้วก็เดินทางต่อเพื่อรับประทานอาหารมื้อกลางวันที่ร้านโกเกี้ย ร้านราดหน้าทะเลซูเปอร์เศรษฐี ชื่อดังในเมืองกันตัง พร้อมอาหารสุดอร่อยอีกหลากหลายรายการมาให้ผู้ร่วมทริปได้ฟินน์กัน












 
หลังอิ่มกับอาหารอร่อยๆก็ออกจากร้านโกเกี้ยมายังอนุสาวรีย์พะยูนที่ห่างจากร้านโกเกี้ยไปเพียง 700 เมตร เราแวะถ่ายภาพบริเวณอนุสาวรีย์พะยูนและท่าเทียบเรือพร้อมชมบรรยากาศริมสองฝั่งแม่น้ำที่มีเรือจับปลาจอดเทียบท่า ก่อนที่จะนำรถยามาฮ่า ฟินน์ ไปขับขี่ถ่ายรูปกับวิวสวยๆบนถนนในเมืองกันตัง ต้องบอกเลยว่า สภาพความเป็นอยู่ในเมืองกันตังสงบเงียบ น่าอยู่ ผู้คนเป็นมิตร โดยเฉพาะช่วงที่เราขี่รถเข้ามาในเมืองกันตัง ก็เจอกับเจ้าหน้าที่ตำรวจขี่รถมาถามว่าพวกเราทำอะไร ก็บอกไปว่ามาขี่รถเที่ยวและกำลังจะไปหาอาหารทาน พี่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็พาพวกเราไปที่ร้านอาหารแห่งแรกแต่ปรากฏว่าปิดปรับปรุง เลยพาไปอีกทีแต่พี่ตำรวจบอกว่ากลัวจะไม่ประทับใจเลยพาไปร้านโกเกี้ย ซึ่งหลังจากที่เรามาจอดรถถ่ายรูปพี่ตำรวจก็แวะมาดู เลยบอกไปว่าอาหารที่ร้านโกเกี้ยอร่อยมาก และจากนั้นไม่นานก็มีรถคันนึงมาจอด มารู้จากพี่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าเป็นนายกเทศมนตรีเมืองกันตัง ท่านชอบออกมาขับรถดูเมืองแล้วมาเจอพวกเราเลยได้มีโอกาสแนะนำตัวและพูดคุยกันนิดหน่อยซึ่งท่านก็บอกว่า “ยินดีต้อนรับ” หลังถ่ายภาพสวยๆบนถนนในเมืองกันตังแล้วก็เดินทางกลับ ช่วงขากลับเราแวะเช็คอินจุดสุดท้ายที่ “ต้นยางพาราต้นแรกของเมืองไทย” โดยในทริปนี้เรามีรองประธานสหกรณ์การเกษตรกันตัง “พี่เลี่ยง” มาร่วมทริปขี่ยามาฮ่า ฟินน์กับเราด้วย ซึ่งพี่เลี่ยงก็ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับต้นยางพาราต้นแรกนี้ จากนั้นก็เดินทางกลับเข้าสู่เมืองตรัง โดยจุดหมายปลายทางอยู่ที่ร้านตรัง เอส.ที. ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าในจังหวัดตรัง โดยหลังจบทริปนี้เราใช้ระยะทางในการขับขี่ไปทั้งหมด 188 กม. นำรถเข้าไปเต็มน้ำมันเป็นเงิน 90 บาท หรือ 2.9 ลิตร มีอัตราการประหยัดน้ำมันตลอดทั้งทริปที่ 64.82 กม.ต่อลิตร
 
ผ่านทริปแรกยามาฮ่า ฟินน์ เที่ยวทั่วไทยใช้น้ำมันถังเดียวที่จังหวัดตรังไปเรียบร้อย กับการขับขี่รถครอบครัวระดับพรีเมี่ยม สีสันกราฟฟิคใหม่อย่างสนุกสนานและ ฟินน์ไปกับทุกการขับขี่ในตลอดเส้นทาง





























UIP : 689 | Page View : 707