​ฟินน์ เที่ยวทั่วไทย ใช้น้ำมันถังเดียว @ ตรัง บิดเที่ยวสตรีทอาร์ต วงเวียนพะยูน วัดภูเขาทอง และ ศูนย์ศิลปะวิถี

ทริปการขับขี่ยามาฮ่า ฟินน์ รถครอบครัว 4 จังหวะสไตล์พรีเมี่ยม เข้าสู่โครงการที่สอง กับการขับขี่ท่องเที่ยวทั่วไทย ใช้น้ำมันถังเดียว โดยเริ่มต้นอีกครั้งที่จังหวัดตรัง กับการขับขี่เที่ยวทั่วเมืองตรัง ไปชมศิลปะวิถี มุ่งสู่อำเภอกันตัง ปลายทางสถานีรถไฟฝั่งอันดามัน ชวนลูกค้ายามาฮ่าร่วมทริป รวมระยะทาง 188 กม. เติมน้ำมันเพียง 90 บาท มีอัตราการประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 64.82 กิโลเมตรต่อลิตร
 
ทริปการขับขี่ยามาฮ่า ฟินน์ เที่ยวทั่วไทยใช้น้ำมันถังเดียว เข้าสู่ปีที่สอง โดยจะนำรถยามาฮ่า ฟินน์ “ฟินน์กว่า ก็โดนกว่า”ขับขี่ท่องเที่ยวไปในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในจังหวัดรอง โดยสื่อมวลชนและผู้ใช้รถจักรยานยนต์ที่ผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าเลือกมา โดยในทริปนี้มีผู้ขับขี่รวม 8 คน ซึ่งในปีนี้เริ่มต้นกับการขับขี่ยามาฮ่า ฟินน์ กันที่จังหวัดตรัง
 




















ทั้งนี้ ยามาฮ่า ฟินน์ ที่เรามาใช้ในการขับขี่ครั้งนี้ เป็นรถยามาฮ่า ฟินน์ รถครอบครัวระดับพรีเมี่ยม สีสันกราฟฟิคใหม่ที่พึ่งออกสู่ตลาดในปี 2019 นี้ทั้งสีฟ้า, สีดำ-แดง, สีฟ้า-ดำ-ขาว, สีแดง-ดำ, สีน้ำเงิน-ดำ รวมทั้งหมด 8 คัน มาทำการตรวจเช็ครถจักรยานยนต์เบื้องต้นและทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยระบบสตาร์ทไฟฟ้าที่เพียงสัมผัสเบาๆเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 115 ซีซีก็ทำงานอย่างรวดเร็ว  เราออกเดินทางจากร้านยามาฮ่า ตรัง เอส.ที.กลางเมืองตรังนำรถทั้ง 8 คันเข้าทำการเติมน้ำมันให้เต็มถัง ก่อนเริ่มต้นสู่จุดหมายแรกคือ ภาพวาด 3 มิติ หรือ Trang Street Art บนผนังตึกเก่าทรงชิโนโปรตุกีส ซึ่งทางสโมสรโรตารี่ตรังดำเนินการสรรค์สร้างขึ้นมาให้กลายเป็นอีกหนึ่งของจุดเช็คอินของเมืองตรัง โดยภาพ Trang Street Art นี้เป็นภาพถ้ำมรกต ภาพต้นศรีตรัง ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองตรัง จากนั้นเราก็ขับขี่ไปเช็คอินจุดที่สองคือ ตึกคริสตจักรตรัง โบสถ์คริสเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาซึ่งตอนนี้มีอายุ 104 ปี โดยในปี2552 สมเด็จพระเทพรัตนสุดา สยามบรมราชกุมารี พระราชทานรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่นประจำปี 2552 หลังจากถ่ายภาพเช็คอินกับรถยามาฮ่า ฟินน์กันเรียบร้อยก็เดินทางต่อสู่วงเวียนพะยูนที่ตั้งอยู่บนถนนพัทลุงในตัวเมืองตรังหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง เป็นวงเวียนน้ำพุขนาดใหญ่ 4 ชั้น โดยแต่ละชั้นจะมีเรื่องราวทางวรรณคดีไทย โดยชั้นบนสุดเป็นรูปพรานบุญจับกินรี ชั้นรองลงมาเป็นรูปนางเงือก ลงมาอีกชั้นเป็นรูปม้านิลมังกร และชั้นล่างสุดเป็นรูปพะยูน ซึ่งการขับขี่ในเมืองในช่วงเช้านั้นสภาพการจราจรค่อนข้างหนาแน่นในบางจุดแต่สำหรับรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟินน์ แล้วสามารถลัดเลาะไปถ่ายรูปเช็คอินตามจุดต่างๆในเมืองตรังได้อย่างรวดเร็ว การขับขี่ในเมืองของยามาฮ่า ฟินน์ เป็นไปอย่างง่ายและรวดเร็ว การควบคุมการขับขี่เลี้ยวขวาเลี้ยวซ้ายอย่างคล่องตัว รวมถึงการควบคุมสัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย-ขวาที่มือซ้ายที่สามารถคุมคุมได้ง่ายเช่นกัน รวมถึงสัญญาณแตรที่ดังพอสมควรเพื่อให้ผู้ร่วมทางได้ทราบ

















จากจุดเช็คอินกับยามาฮ่า ฟินน์ในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองตรังแล้ว จากนี้เราเดินทางกันยาวๆมุ่งหน้าสู่ถ้ำเขาช้างหาย ที่ห่างจากตัวเมืองตรังไปประมาณ 12 กิโลเมตร มาถึงจุดนี้เราทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ไปแล้วถึง 6-7 ครั้งในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงในการขับขี่ในเมือง ซึ่งทุกครั้งเครื่องยนต์สตาร์ทติดง่าย จากนั้นก็ขับขี่กันด้วยความเร็ว 60-80 กม./ชม. เพื่อมุ่งหน้าไปทานอาหารมื้อกลางวันที่ร้านกะช่องฮิลรีสอร์ท ที่ตั้งห่างออกจากเมืองไปราวๆ 30 กม.ก่อนขึ้นเขาผับผ้า ทั้งสื่อมวลชนและลูกค้าเรานั่งชมวิวและชิมอาหารรสอร่อยกันอย่างสบายๆแล้ว ก็เดินทางกันต่อ

เครื่องยนต์ยามาฮ่า ฟินน์ ถูกสตาร์ทอีกครั้ง เสียงเครื่องยนต์ทั้ง 8 คันทำงานกันอย่างพร้อมเพียง เราทำความเร็วการขับขี่ประมาณ 60-80 กม./ชม. เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง เกียร์นุ่มนวลนับตั้งแต่เข้าเกียร์ 1จนถึงเกียร์ 4 ไม่แข็งกระด้าง การควบคุมในเส้นทางที่มีโค้งแคบๆในชุมชนอย่างสบายๆ รถที่มีน้ำหนักเบาผสานการออกแบบที่เน้นการขับขี่ที่ง่าย แต่แฝงไว้ด้วยพละกำลังในการขับขี่ ทำให้เราขับขี่ยามาฮ่า ฟินน์มาถึงจุดหมายต่อมาซึ่งก็คือ วัดภูเขาทอง เพื่อสักการะพระพุทธรูปสีหไสยาสน์ทรงเทริดมโนราห์ โดยพระพุทธรูปนี้ถูกสร้างขึ้นราวปีพ.ศ. 1200-1300 และถูกได้ให้เป็นวัดเมื่อปี 2465 เราเดินชมความสวยงามของวัดภูเขาทองเพื่อซึมซับความสวยงาม ก่อนที่จะเดินทางกันต่อไม่กี่ถึงสิบกิโลก็มาถึง ศูนย์ศิลปะวิถี ตั้งอยู่ที่อำเภอห้วยยอด ที่ในวันที่เรามาถึงนั้นอยู่ในระหว่างปรับปรุง แต่ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเจ้าของพื้นที่ที่นำน้ำดื่มเย็นๆและให้พวกเราได้สนุกกับเกมการละเล่นพื้นบ้าน นอกจากนี้ยังให้พวกเราได้ขับขี่รถยามาฮ่า ฟินน์เข้าไปถ่ายภาพในพื้นที่ด้านในที่กว้างขวาถึง 16 ไร่ พร้อมเดินชมศูนย์การเรียนรู้ที่แบ่งโซนต่างๆเอาไว้หลายจุด ซึ่งปกติจะมีนักเรียนและผู้สนใจเข้ามาร่วมกิจกรรมต่างๆทั้งการเรียนรู้การทำขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้ เรียนรู้การทำไร่แบบดั่งเดิม การสีข้าว รวดข้าว ตำข้าวแบบโบราณ การทำสวนผสม สวนสมุนไพร และกิจกรรมต่างๆทั้งการยิงธนู ยิงหนังสติ๊ก กระโดดยาง การทอยลูกแก้ว เป็นต้นเพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ได้รู้ถึงวิถีชุมชน นอกจากนี้ในการเยี่ยมชมเราได้ทดลองการเป่าเขาควาย ถ่ายภาพกับควายลูกผสมคู่กับยามาฮ่า ฟินน์ และนั่งชมวิวและบรรยากาศรอบๆศูนย์ ซึ่งเราใช้เวลาที่ศูนย์ศิลปะวิถีนานมาสมควร จากนั้นก็เดินทางกลับเข้าสู่เมืองตรังเพื่อจิมกาแฟชิมโรตีที่ร้านเกาะลิบงสาขา 3 ก่อนปิดท้ายที่เที่ยวจุดสุดท้ายของวันนี้ในบรรยากาศสุดชิลล์ที่สถานีรถไฟตรังในช่วงค่ำพอดีพร้อมได้เห็นความสว่างของชุดไฟหน้ากับความสว่างของหลอดไฟแบบฮาโลเจน และไฟท้ายที่สว่างไกลในยามค่ำคืน เราเดินเที่ยวถนนคนเดินก่อนอิ่มอร่อยกับอาหารรสเลิศที่ร้านสีฟ้า ไลฟ์สไตล์ฟู๊ดตรัง ชิมหมูเกาหยุก ซึ่งเป็นหมูสามชั้นอบเผือก ที่ขึ้นชื่อที่สุดของร้าน พร้อมอาหารอร่อยๆเป็นการปิดทริปในวันแรกกับระยะรวมทั้งหมดประมาณ 120 กิโลเมตรให้ทุกๆคนได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่ก่อนที่จะขี่ยามาฮ่า ฟินน์ เที่ยวต่อในอีกหนึ่งวัน ส่วนจะไปไหนกันบ้างนั้นไว้ตามตามชมกันต่อไป....ยามาฮ่า ฟินน์ “ฟินน์กว่า ก็โดนกว่า”







































UIP : 1,135 | Page View : 1,215